สุดเศร้า!''เสธ.แอ๊ว'' อดีตประมุขลอนเทนนิสฯเสียชีวิตอย่างสงบ

''เสธ.แอ๊ว'' พล.อ.อัครเดช ศศิประภา อดีตนายกลอนเทนนิสสมาคมเสียชีวิตแล้ว ปิดตำนานนายทหารคนดังในตำนาน ในวัย 77 ปี โดยมีอาการป่วยเป็นโรคไต โดยก่อนหน้านั้นได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม มีรายงานข่าวว่า พลเอก อัครเดช ศศิประภา หรือ เสธ.แอ๊ว อดีตรองปลัดกลาโหม เสียชีวิตในวัย 77 ปี หลังจากเมื่อเช้านี้แม่บ้านขึ้นไปปลุกแล้วไม่ตื่น หลังจากที่กลับมาจากการรักษาอาการป่วยที่รพ.กรุงเทพ
แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.อัครเดช ระบุว่า ปกติ ''เสธ.แอ๊ว'' ไม่มีโรคภัยอะไร แต่มีปัญหาที่แขนขา เช่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา พี่ชาย ที่ยืนนานๆ ไม่ได้ และไปหาหมอเป็นประจำ เพราะช่วงวัยหนุ่ม พล.อ.อัครเดชได้เคยบอกว่าใช้ร่างกายเปลือง ก็ต้องมาดูแลตอนนี้ ซึ่งก่อนที่จะเสียชีวิตนั้น ได้เข้ารับการรักษาที่รพ.กรุงเทพได้ 2-3 วัน ด้วยอาการโรคไต ก่อนที่ทางแพทย์จะให้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ก่อนที่แม่บ้านจะขึ้นไปปลุกที่ห้องนอน แล้วไม่ตื่นเมื่อเช้านี้ (24 มี.ค.)
พล.อ.อัครเดช เกิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2484 จปร.11 เป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ เติบโตจากกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 พัน 3 รอ.), ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์, ช่วงที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในขณะนั้นได้มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจ 123 (สายตรวจร่วมปฏิบัติการพิเศษทหาร ตำรวจ 123) และอดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เป็นนายทหารที่ใจกว้าง มีลูกน้องเพื่อนฝูงมากมาย เป็นที่พึ่งของเพื่อนฝูงและลูกน้อง เป็นนายทหารสไตล์ ''เสธ.'' ที่มีชื่อในวงการคนมีสี ระดับตำนาน เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีเพื่อนฝูงพี่น้องมากมายที่ ''เสธ.แอ๊ว'' ช่วยเหลือและดูแล เพราะเป็นคนใจกว้าง ใจนักเลง
ส่วนบทบาทในวงการกีฬา เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกลอนเทนนิสสมาคมได้ระยะหนึ่งก่อนจะวางมือ นอกจากนั้นยังให้การสนับสนุนการทำค่ายศศิประภายิม มายาวนานตั้งแต่สมัยของ ร.อ.ไฉน ผ่องสุภา จนมาถึงยุคของ ฐากูร ผ่องสุภา ลูกชายคนโตที่มาสืบสานการทำมวยจนถึงทุกวันนี้
โดยมีกำหนดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 28 มีนาคมนี้ ที่วัดโสมนัสฯ ศาลา 9 สวดพระอภิธรรม 7 วัน และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 เมษายน
''แทมมี่''สุดเศร้าสิ้น''เสธ.แอ๊ว''รับเป็นนายกเทนนิสไทยยุคบุกเบิกปูทางยช.สู่ระดับโลก
สำหรับเสธ.แอ๊วเคยนั่งเก้าอี้นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยหรือสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ในปัจจุบันมาถึง 2 สมัย เมื่อปี 2540-2544 โดยในยุคนั้นถือว่าเป็นนายกสมาคมรุ่นที่สร้างรากฐาน และปูทางให้นักเทนนิสและผู้ปกครองนักเทนนิสไทยเริ่มมองเห็นเส้นทางการไปสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นช่วงที่ ''แทมมี่'' แทมมารีน ธนสุกาญจน์ อดีตนักหวดมือ 19 ของโลก เพิ่งจะเทิร์นโปรมาได้ 2 ปีและทำผลงานก้าวสู่มือระดับท็อป 100 ของโลกได้เป็นคนแรกของวงการเทนนิสไทย
นอกจากนี้จากการบริหารงานและการส่งเสริมนักเทนนิสไทยอย่างมีระบบและมีแผนงานชัดเจน ทำให้วงการเทนนิสไทยในยุคที่ ''เสธ.แอ๊ว'' เป็นนายกสมาคมถือเป็นช่วงที่เริ่มมีกระแสที่ดีอย่างมาก นอกจากการส่งเสริมสนับสนุนให้แทมมี่ติดท็อป 100 ของโลกแล้ว ยังเป็นช่วงที่เทนนิสไทยสามารถคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 จากประเภทชายคู่ ด้วยฝีมือของนราธร และ ภราดร ศรีชาพันธุ์ พร้อมกับอีก 1 เหรียญเงินจาก แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ในประเภทหญิงเดี่ยว
''แทมมี่'' แทมมารีน กล่าวว่า ค่อนข้างตกใจและเสียใจกับข่าวการจากไปของพล.อ.อัครเดชในครั้งนี้และถือเป็นความสูญเสียของคนในวงการเทนนิสไทยด้วย เพราะต้องยอมรับว่าในยุคสมัยที่ พล.อ.อัครเดชได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเทนนิสฯ ท่านได้วางรากฐานอะไรไว้หลายอย่าง โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนานักเทนนิสเยาวชน ท่านได้ทำให้คนในวงการเทนนิสเห็นเส้นทางไปสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพชัดเจนขึ้น และสนับสนุนเยาวชนเต็มที่ ในยุคนั้นถือว่าเป็นยุคบุกเบิกของวงการเทนนิสไทยกับการก้าวสู่ระดับโลกเลยก็ว่าได้
''ส่วนตัวแทมมี่ถือว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.อัครเดช เพราะเป็นช่วงที่ท่านมาเป็นนายกสมาคมในจังหวะที่แทมมี่เทิร์นโปรพอดี สิ่งที่ประทับใจในตัวท่านคือความเป็นกันเอง ท่านใจดี และรักนักเทนนิสทุกคนเหมือนลูกหลาน ใส่ใจ และให้ความเมตตามาตลอด สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือท่านได้ไปให้กำลังใจในสนามแข่งออสเตรเลียน โอเพ่นด้วยซึ่งในช่วงนั้นแทมมี่ ก็เพิ่งเทิร์นโปร และได้เห็นนายกสมาคมไปให้กำลังใจก็ทำให้ประทับใจ ดีใจ และมีพลังในการแข่งขันมากขึ้นค่ะ'' แทมมี่กล่าว