5เหตุผลที่ลักษิกาจะก้าวไปเทียบเท่าสถิติของ"แทมมี่"ในออสเตรเลียนโอเพ่น

แม้ลักษิกาจะเป็นนักเทนนิสรองบ่อน แต่อะไรที่ทำให้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มกระฉ่อนในออสเตรเลียน โอเพ่นหนนี้ และมีสิทธิ์จะทำสถิติเทียบเท่ากับ''แทมมี่'' แทมมารีน ธนสุกาญจน์
"มาถึงเวลานี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ลักษิกา คำขำ นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของไทย มือ 125 ของโลก จะสามารถพาตัวผ่านเข้ามาถึงรอบสามในศึกแกรนด์ แสลมแรกของปี ออสเตรเลียน โอเพ่น ได้
เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากผลงานที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้คือการเข้าสู่รอบสองได้ 2 ครั้งในปี 2013 และ 2014 ขณะที่ผลงานในปีที่ผ่านมาก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าที่ควร"
แต่อะไรที่ทำให้นักหวดสาวหล่อจากจันทบุรีโชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้าง พุ่งกระฉูดฉุดไม่อยู่ ใน ออสเตรเลียน โอเพ่น หนนี้ ทีมงานจึงอยากจะโหมโรงก่อนที่ลักษิกาจะมีคิวลงทำศึกครั้งสำคัญในรอบสามกับ เปตร้า มาร์ติช นักเทนนิสมืออันดับ 89 ของโลกจากโครเอเชีย ในวันศุกร์ที่ 19 ม.ค.61
1.การเตรียมตัวที่ยอดเยี่ยมก่อนเดินทางไปแข่งขัน
ย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี 2017 มีทัวนาเมนต์เทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น 2018 เอเชีย-แปซิฟิก ไวลด์การ์ด เพลย์ออฟ ที่จีน ซึ่งเป็นรายการที่จะมอบไวล์การ์ดให้แก่นักเทนนิสที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้เข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์ออสเตรเลียน โอเพ่น แต่มีข้อแม้ว่าแชมป์รายการดังกล่าวจะถูกจัดให้ไปเจอกับบรรดามือวางระดับท็อปของโลกตั้งแต่รอบแรก ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ลักษิกาแชมป์เก่า ปี 2017 ตัดสินใจไม่ไปคัด และเลือกที่จะมาเล่นตั้งแต่รอบคัดเลือก เนื่องจากเจ้าตัวมีบทเรียนในออสเตรเลียน โอเพ่นคราวก่อน ที่ถูกวางให้ไปเจอกับ นาโอมิ โอซาก้า ดาวรุ่งของวงการลูกสักหลาดญี่ปุ่น ก่อนจะแพ้ตกรอบแรก และได้คะแนนสะสมอันดับโลกเพียง 1 แต้มเท่านั้น
แต่การเข้ารอบเมนดรอว์ด้วยการควอลิไฟน์ในหนนี้ทำให้เธอได้ไปถึง 40 แต้ม กระทั่งเพิ่มเป็น 120 แต้ม จากการเข้าสู่รอบสาม พร้อมกับฟันเงินสะสมไปแล้วเหนาะๆราว 3.8 ล้านบาท นอกจากนี้เมื่อช่วงต้นปี ลักษิกา สร้างความประหลาดใจให้กับสื่อไทยที่ติดตามข่าวสารของเธอ หลังเห็นเจ้าตัวไปโผล่อยู่ที่ฮ่องกง ในการแข่งขันระดับไอทีเอฟ ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งรายการดังกล่าวลักษิกาในฐานะมือวางอันดับ 1 ของรายการ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ และได้รับอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหน้าอก ก่อนจะขอถอนตัวจากการแข่งขัน เนื่องจากต้องการรักษาร่างกายให้ฟิ้ตสมบูรณ์มากที่สุดในออสเตรเลียนโอเพ่นหนนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้กับ ลักษิกา รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ช ที่ได้วางแผนกันมาอย่างแยบยล และทำได้เกินเป้าที่วางเอาไว้แล้ว
2.นักหวดรองบ่อนไร้ความกดดัน
ห้าแมตช์ที่ผ่านมานับตั้งแต่รอบควอลิไฟน์ จนถึงรอบสอง ลักษิกาลงสนามแบบไร้ความกดดัน ไม่ว่าจะเจอกับมืออันดับต่ำกว่า หรือเหนือกว่า ซึ่งในฐานะนักหวดรองบ่อนนี่เองทำให้เธอปราศจากความกดดัน อีกทั้งยังสลัดความคิดที่ต้องการจะเอาชนะให้ได้เพียงอย่างเดียว และหันมาเติมเต็มด้วยการเล่นให้มีความสุข สังเกตได้ชัดจากสีหน้าสีตาและอากัปกิริยายามอยู่บนคอร์ตที่แสดงออกมาว่าเธอมีความสุขและสนุกกับเกมจริงๆ
3.แก้ไขจุดอ่อน-เสริมสร้างจุดแข็ง
เป็นที่รู้กันว่านักกีฬาไทยจะเสียเปรียบนักกีฬาต่างชาติในเรื่องของพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่ายกาย เช่นเดียวกับลักษิกาซึ่งเคยออกมาพูดถึงจุดนี้ว่าหากเธอจะก้าวไปสู่ระดับโลกได้ ต้องเติมเต็มในส่วนนี้ รวมถึงสภาพจิตใจที่ยอดเยี่ยมหลังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว คนรอบข้าง และที่ขาดไม่ได้คือทีมงานสตาฟโค้ชที่เดินทางไปด้วยในครั้งนี้ ได้แก่ สุบินทร์ สีชาแอน หรือโค้ชกี่ โค้ชส่วนตัวผู้ที่เดินทางร่วมกับลักมาตั้งแต่ยุคแรกของการออกทัวร์ อีกทั้งยังมี "เพียซ" วรัชญา วงค์เทียนชัย พร้อมด้วยสามีชาวออสซี่ เรียกได้ว่าทุกคนต่างมองตาก็รู้ใจ ช่วยให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาทั้งในและนอกสนามได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญที่ช่วยให้ลักษิกาทำผลงานสะเด่าในออสเตรเลียน โอเพ่นหนนี้ ขณะเดียวกันในเรื่องของเทคนิคการตีลักพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการรีเทิร์นเสิร์ฟที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการทำคะแนนจากลูกโฟร์แฮนด์ขนานเส้น และครอสคอร์ตที่มีให้เห็นกันหลายช็อตนับตั้งแต่รอบคัดเลือก ส่วนการเจอกับ เปตร้า มาร์ติช เป็นนักเทนนิสจากโครเอเชียที่มีสไตล์ตีแลก ซึ่งเป็นสไตล์ที่ลักษิกาถนัด และมักทำผลงานได้ดีเวลาเจอผู้เล่นทางนี้
4.ประสบการณ์ช่วยสอนให้รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร?อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ตอนต้นว่าในออสเตรเลียนโอเพ่นหนนี้ ลักษิกาลงเล่นด้วยการปราศจากความกดดัน และตั้งหน้าตั้งตามีสมาธิในเกมเพียงเท่านั้น ซึ่งปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ที่ช่วยขัดเกลาให้รู้ว่าควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร โดยเฉพาะการมีสมาธิในเกม และควบคุมอารมณ์ยามอยู่บนคอร์ต เป็นเรื่องที่ลักทำได้ดีมากๆในออสเตรเลียน โอเพ่นครั้งนี้ แม้แต่ "แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักหวดสาวรุ่นพี่ร่วมชาติ ยังออกมายกย่องและชื่นชมที่ลักษามารถพัฒนาในจุดนี้ขึ้นมาได้ถูกที่ถูกเวลา ส่วนเกมในวันพรุ่งนี้ระหว่าง ลักษิกา กับ มาร์ติช ซึ่งทั้งคู่ผ่านเข้าสู่รอบสามได้เป็นครั้งแรก ก็จะอยู่ที่ว่าใคร จะรับมือกับความตื่นเต้น และแบกรับความกดดันในสถานการณ์นี้ได้ดีกว่ากัน
5.ความกระหาย
พูดกันตามตรงนับตั้งแต่หมดยุครุ่งเรื่องของวงการเทนนิสไทย ที่มี "ซูปเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตมือ 9 ของโลก, "แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ อดีตมือ 19 ของโลก รวมถึง ดนัย อุดมโชค และคู่แฝดตระกูลรติวัฒน์ ผมมองไม่เห็นว่านักเทนนิสไทยคนไหนจะมีความกระหายเทียบเท่ากับผู้เล่นกลุ่มนี้ได้เลย แต่กับลักษิกาในออสเตรเลียน โอเพ่น หนนี้ เหมือนจะมีอะไรมาดลใจให้เธอมีแรงขับในส่วนนี้เข้ามาช่วย ส่วนหนึ่งอาจมาจากความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับโลก การผ่านเข้าสู่รอบสามในออสเตรเลียน โอเพ่นของ "ลักษิกา" หนนี้ นับเป็นผลงานที่มาไกลเกินคาด แต่ใช่ว่าจะไปไกลกว่านี้ไม่ได้ เพราะ ตลอด 5 แมตช์ที่ผ่านมาลักษิกาสามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้แบบไม่เสียเซต ซึ่งน่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เจ้าตัวมีความมั่นใจมากขึ้น ประกอบกับเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้าหากพูดกันตามตรง แบบไม่เข้าข้าง ผู้คร่ำวอดในวงการเทนนิสเมืองไทยหลายต่อ
หลายคน มองไปถึงว่าลักษิกาจะสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 คนสุดท้ายเลยทีเดียว ขณะเดียวกันหากในรอบสามน้องลักสามารถเอาชนะ มาร์ติชได้ ก็จะทำสถิติเทียบเท่ากับ "แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักหวดสาวรุ่นพี่ อดีตมือ 19 ของโลก ที่เคยผ่านเข้าสู่รอบสี่ในปี 1998 และจะทำให้ลักษิกากลายเป็นไอดอลคนใหม่ของวงการลูกสักหลาดไทย เหมือนกับที่นักหวดรุ่นพี่เคยเป็นอย่างไรก็ตามไม่ว่าผลการแข่งขันใน ระหว่าง ลักษิกา กับ เปตร้า มาร์ติช จะออกมาเป็นอย่างไร อย่างน้อย ลักษิกาได้ทำให้หัวจิตหัวใจของแฟนเทนนิสชาวไทยได้พองโตอีกครั้งในรอบหลาย 10 ปี
- "เด็กชายปลีก" -