"เศรษฐา" สั่งคิกออฟซอฟท์เพาเวอร์มวยไทยเต็มรูปแบบ

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดทำเนียบหารือคณะทำงานด้านกีฬา ที่นำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานฯ เดินหน้าซอฟท์เพาวเวอร์มวยไทย ที่เวลานี้ถือเป็นซอฟท์เพาเวอร์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมเปิดหลักสูตรครูมวย คนที่ผ่านอบรมหลักสูตรนี้จะได้ใบประกาศเป็นใบเบิกทางไปทำงานครูมวยที่ต่างแดนอย่างถูกต้อง พร้อมเล็งนำมวยไทยเข้าคลาสเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ พร้อมกับร่วมหารือกับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการด้านกีฬาในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ที่นำทีมซอฟต์เพาเวอร์ด้านกีฬา (มวยไทย) เข้าพบเพื่อหารือ โดยมี นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา ที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา รวมทั้ง บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดัง, ผู้แทนสภามวยแห่งเอเชีย (WBC Asia), ผู้แทนวัน แชมเปี้ยนชิพ (ONE), การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะร่วมด้วย ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเที่ยง วันศุกร์ ที่ 8 ธ.ค.66 

ในโอกาสนี้ ดร.ปรีชาพร สุวัฒโนดม รองประธานสภามวยโลกมวยไทย (WBC MuauyThai) ยังได้มอบ Iconic WBC Bracelet ซึ่งเป็นนาฬิการูปเข็มขัดแชมป์โลกที่มอบให้กับนักมวยระดับแชมป์โลกเท่านั้นให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นที่ระลึกขณะเดียวกัน บัวขาว บัญชาเมฆ ยังถือโอกาสมอบกางเกงมวยไทยสีแดง ที่สกรีนตัวอักษรสีเหลืองเป็นชื่อของตัวเอง "BUAKAW" ให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย 

นาย นายเศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ คุณ พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ดูแลทางด้านกีฬาอยู่ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านซอฟท์เพาเวอร์ด้านกีฬามวย พร้อมทีมงาน และนักกีฬามวยไทยชื่อดัง อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ มาร่วมพบปะรวมถึงหารือในแนวทางการทำงานที่จะผลักดันมวยไทยไปสู่การเป็นซอฟท์เพาเวอร์ร่วมกัน ต้องยอมรับว่ากันตรงนี้ว่า มวยไทย ถือเป็นซอฟท์เพาเวอร์อันดับต้นๆของเมืองไทยในเวลานี้ ที่สำคัญเป็นกิจกรรมซึ่งมีคำว่าไทยติดอยู่ด้วย ซึ่งในการหารือครั้งนี้ก็มีการระดมความคิดและแนวทางในการต่อยอดมวยไทย เวลานี้จะบอกได้ว่าเป็นซอฟท์เพาเวอร์อันดับ 1 ที่ถูกส่งออกไปทั่วโลก และสร้างมูลค่าทางการเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในปัจจุบันนี้ก็ว่าได้ ซึ่งเราจะขยายความนิยมออกไปให้มากขึ้นกว่านี้อีก 

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการด้านกีฬาในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ เผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลานี้ต่างชาติมีความต้องการนักมวยไทยไปช่วยสอนเทคนิคและทักษะในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับกีฬาเทควันโดเลยที่แต่ละชาติก็ต้องการโค้ชและนักกีฬาเทควันโดเกาหลีใต้ไปช่วยสอนเพื่อให้ประเทศของตัวเองนั้นเก่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่คณะทำงานฯกำลังทำอยู่ตอนนี้ คือ การหารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อทำให้เป็นระบบ ระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้อง 

"คณะทำงานได้หารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งก็หารือถึงแนวทางและวิธีการไปแล้ว และตอนนี้กำลังทำหลักสูตร เพื่อเปิดให้โค้ช นักกีฬา หรือผู้ที่สนใจจะทำงานในด้านนี้อย่างจริงจังมาเข้าการอบรม ซึ่งหากผ่านหลักสูตร ก็จะมีประกาศนียบัตรรับรอง ซึ่งใบรับรองนี้ก็จะช่วยในการขอวีซ่า เพื่อไปทำงานในต่างประเทศในฐานะครูสอนมวย ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่มีสิ่งนี้ไป ครูมวยก็จะต้องไปในรูปแบบของวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วไปสอนก็คงจะไม่ถูกนัก ก็ไม่ควรจะทำ แต่ว่าถ้ามีประกาศนียบัตรนี้ออกไปแล้วไปขอวีซ่า ก็จะทำให้อะไรต่ออะไรนั้นง่ายขึ้นในหลายๆประเทศ" 

"เรายังมีอีกหลายโครงการที่จะพามวยไทยให้ได้รับความนิยมไปอีกระดับนึง เช่น การทำมาสเตอร์คลาส ในต่างประเทศ มีความต้องการให้ครูมวยไทยในระดับเทพออกไปสอน ซึ่งผมก็ได้คุยกับ บัวขาว รวมถึงยอดนักมวยไทยอีกหลายๆคนไปแล้ว โดยอยากจะให้ช่วยมาทำมาสเตอร์คลาสร่วมกัน อย่างบัวขาว ที่เคยเปิดสัมนาในต่างประเทศ ก็ได้รับความสนใจมีคนเข้าร่วมถึงรดับ 800 คน แน่นอนว่าถ้าเราทำเป็นคลาสใหญ่ วางครูสอนหลายๆคน ก็จะช่วยสร้างกระแส สร้างทักษะการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เพื่อทำให้เกิดความนิยมมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คณะทำงานกำลังทำอยู่เช่นกัน และมีอีกหลายๆโครงการที่เราคิดไว้ และพยายามจะทยอยทำ ซึ่งก็มั่นใจว่าด้วนคณะทำงานที่เรามีอยู่ จะช่วยกันขับเคลื่อนมวยไทยไปได้อีกระดับหนึ่ง" 

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ยังเผยทิ้งท้ายอีกว่า ยังมีหลายโครงการที่คณะทำงานฯกำลังเดินหน้า อาทิ การให้วีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยากจะมาอยู่ในประเทศไทยนานๆ เพราะอยากจะเรียนมวย สิ่งนี้ก็มีแผนจะทำ และกำลังดำเนินงาน รวมไปถึงการนำวิชามวยไทย เข้าไปสอนไปเผยแพร่เป็นวิชาในโรงเรียนต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งท่านนายกได้กำชับว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อลงมือทำ ต้องทำให้สำเร็จ เพราะเป็นซอฟท์เพาเวอร์อันดับ 1



ที่มาของภาพ : Siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport