วันประวัติศาสตร์ที่ฮิโรชิม่า สีสันของประสบการณ์การเดินทาง

เจ้าของข้อความคือ คุณคมสัน ประสมศรี นายกสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ ซึ่งผมถือวิสาสะเรียกถนัดปากว่า "คุณกุ้ง" คุณกุ้ง ได้รับสารเชิญจากเมือง ยามากูจิ เมืองเล็กๆเดินทางห่างจาก ฮิโรชิม่า ไม่เกินสองชั่วโมง ด้วยช่วงคาบเกี่ยว ท่านนายกกุ้งจึงผุดแผนแม็ตช์ประวัติศาสตร์ ซานเฟรสเซ่ ฮิโรชิม่า ปะทะ คอนซาโดเล ซัปโปโรวาบความคิด ต้องสนุกแน่ๆ
ผมเคยไปญี่ปุ่นแค่ครั้งเดียว ตอนเตะฟุตบอลการกุศลของบริษัทสยามสปอร์ต แต่ครั้งนี้ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องไม่ง่ายนักหรอกครับ ที่เราจะได้เห็นธงไตรรงค์โบกสะพัดท่ามกลางผู้คนต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศชาตินิยมอย่างญี่ปุ่น.... แต่มันเป็นไปแล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไลน์เด้งขึ้นหน้าจอ จับใจความได้ว่า "พี่ยักษ์ 22-26 ก.พ. เตรียมตัวนะพี่ ไปดูเจลีกกัน" เดินทาง ไม่ต้องรวมอุปกรณ์ทั่วไป ยังมีอุปกรณ์ถ่ายทำรายการที่เราต้องแบกไปด้วย
ผมเป็นพวกขี้ลืมง่าย แล้วมักชอบเผื่อเหลือเผื่อขาด อะไรที่คนอื่นมองว่าไม่จำเป็น ผมมักยัดลงกระเป๋าให้ได้ ซึ่งครั้งก่อนมักมีปัญหา เพราะกระเป๋าใบเก่าเล็กเกินไป บางครั้ง...ชีวิตเรามักมีเรื่องดีเกิดขึ้น ก่อนเดินทางไม่กี่วัน ผมก็ได้กระเป๋าเดินทาง ที่ทำเอาความกังวลหายเป็นปลิดทิ้ง American Tourister (อเมริกัน ทัวร์ริสเตอร์)
เจ้ากระเป๋ารุ่น Curio(คูริโอ้) สีเหลืองสด ขนาดใหญ่สุด 30 นิ้ว หรือ ไซด์ XL 30 รุ่นเดียวกับที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ใช้งาน ส่งมาถึงมือ .... ว้าววว เลยครับ ไม่บ่อยครั้งที่ผมจะมีอารมณ์ร่วมกับกระเป๋าเดินทาง คือมีอะไรก็ใช้ไป ส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าผ้าด้วยซ้ำ ไม่ค่อยทนทาน
พอมาเจอ คูริโอ้ ตัวเหลืองชิ้นนี้ .... คุณสมบัติมาครบอย่างที่นักเดินทางต้องการ ฟังก์ชั่นความจุ,ความเบา,ความทนทาน,ดีไซน์ทันสมัย โดดเด่นสวยงาม การันตีด้วยรางวัล reddot Design Award (รางวัลด้านออกแบบระดับโลก)
นอกจากเสื้อผ้า,เสื้อกันหนาวสองตัวใหญ่ๆ ,อุปกรณ์ทำงานอย่างอื่น กล้อง,ไมโครโฟน,คอมพิวเตอร์ บวกกับของกระจุกกระจิกอีกเพียบ แต่เชื่อไหมครับ .... นี่เป็นการจัดกระเป๋าง่ายที่สุดในชีวิตผม แค่ยัดๆลงไป ยังเหลือที่ว่างอีกเพียบ ไม่มีปัญหาเรื่องความจุเลย กว้างกว่ากระเป๋าแบรนด์อื่นๆ 11-12.5%
สำคัญคือ ทัวร์ครั้งนี้ เราเปลี่ยนที่พักทุกคืน ยิ่งตอบโจทย์อย่างมาก การเดินลากกระเป๋าทุกเช้า หมดปัญหาไปเลย เมื่อใช้ คูริโอ้ ตัวนี้ เบาสบาย เดินตัวพริ้วไม่มีเหนื่อยหมดห่วงเรื่องเดินทาง คราวนี้เตรียมตะลุยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Bring Back More แบบเต็มสูบ
สภาเมืองฮิโรชิม่า ตอบรับด้วยความยินดี พร้อมดูแลเรื่องตั๋วและอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน ภาพแรกคือความเงียบสงบของเมือง ขนาดช่วงเร่งด่วนหลังเลิกงาน ยังละมุนด้วยคนปั่นจักรยาน รถราแทบนับคันได้ ไม่มีความวุ่นวายบนท้องถนนให้เห็น
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า ผายมือต้อนรับ ทักทาย แสดงถึงวันอันเลวร้ายในอดีตจากสงครามโลกครั้งที่สอง โดนกองทัพสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู
ประวัติศาสตร์บอกว่า ขณะที่กองพลนาซีของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เริ่มอ่อนแรง มีทีท่ายอมแพ้สงคราม ญี่ปุ่นยังยืนหยัดขอสู้ต่อ จนอเมริกาต้องตัดสินใจทิ้งบอมบ์เพื่อให้ทุกอย่างจบ
ทำไมต้องเป็นฮิโรชิม่า? เพราะนี่คือเมืองอุตสาหกรรมทางทหาร โรงงานผลิตอาวุธอยู่ที่นี่ ถ้าจะตัดตอนแบบเด็ดขาด ควรตัดตอนตั้งแต่ฐานผลิต ภาพหดหู่ระดมเต็มรอบด้าน มาพร้อมเสียงถอนหายใจใครหลายคน สุดท้ายสงครามไม่ทำให้ใครได้รับชัยชนะ
รุ่งเช้า ตามโปรแกรมผมล่องเรือไปเกาะมิยาจิม่า ไหว้ศาลเจ้าและลิ้มรสหอยนางรมเผาสดๆ แต่เป็นเพียงการฆ่าเวลาเนียนๆเพื่อเตรียมตัวช่วงบ่ายสู่สังเวียนแข้งที่วันนี้สุดยอดนักเตะของไทยสองคน จะลงสนามในเสื้อต่างสีและต้องมาแข่งขันในต่างแดนซึ่งเป็นแม๊ทซ์ฟุตบอลครั้งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
คล้อยบ่ายไม่นานนัก คณะทีมเราเดินทางถึง ฮิโรชิม่า บิ๊ก อาช หรือชื่อตามบัตรประชาชน "เอดิออน สเตเดี้ยม" รังเหย้าพลธนูม่วง ซานเฟรสเซ่ ฮิโรชิม่า ที่มี มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของไทย ร่วมทีมอยู่
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นให้ความสนใจอย่างมาก ด้วยสายสัมพันธ์เข้มแข็งทางสภาเมืองตามติดเพื่อนำไปโปรโมทให้คนไทยมาเที่ยวฮิโรชิม่าเยอะมากกว่าเดิม สายตาเป็นมิตรมากมาย มองมาหาพวกเรา มีหลายคนพยายามเข้ามาคุยแม้สื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม แต่วัดจากความรู้วึก คนท้องถิ่นยินดีต้อนรับคนไทยอย่างมาก ผมเชื่ออย่างนั้น
พักเล็กๆ มีข่าวดีด้วยความเซอร์ไพรส์ว่า ซานเฟรสเซ่ ฮิโรชิม่า ให้เราลงไปยืนในสนามเพื่อต้อนรับนักเตะก่อนลงไปอบอุ่นร่างกาย ไม่มีใครทราบมาก่อนว่าฮิโรชิม่าจะให้เกียรติสูงขนาดนี้ การได้มาดูเจลีกนัดแรก นัดประวัติศาสตร์สองนักเตะไทยลงบู๊กันเอง แถมได้ลงไปข้างสนามสัมผัสมือกับมุ้ยตัวเป็นๆ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วครับ
แม้รู้ว่าคนไทยมาอยู่ในสนามนี้มากมายนับหลักร้อยคน ทว่าพวกเราเป็นกลุ่มเดียวได้ลงไปใกล้ชิดติดขอบสนาม เพลง "ไทยแลนด์ๆๆๆๆ" ผสมกับ "พวกเรามาเชียร์เมืองทอง" ทำงานเคร่งครัด จนสาวกเจ้าบ้านหันมามองไปทิวแถว มองด้วยความเป็นมิตร เพราะรู้อยู่แล้วว่าเรามาเพื่ออะไร
วินาทีประวัติศาสตร์์ ...... ด้วยความโชคดีซ้ำสอง เรานั่งอยู่ฝั่งที่ฮิโรชิม่าบุกเข้าใส่ในครึ่งแรก ฉะนั้นภาพเบื้องหน้าช่วงนาที 28 จึงตราตึงถึงวินาทีนี้ มุ้ย เล่นเข้าระบบดีมาก ไล่ตั้งแต่แดนบน เล่นง่ายๆไม่มีฝืน กลมกลืนเหมือนย้ายมาแรมปี ทันใดนั้น คาชิวะ โยชิฟุมิ เติมขึ้นด้านซ้าย เปิดเข้ากลาง ธีรศิลป์ แทรกตัวขึ้นสะบัดเช็ดเปลี่ยนทาง .... จูบตาข่าย!
พลัน!! บนอัฒจันทร์โกลาหลขึ้นมาทันที ผมจำไม่ได้ว่ากอดกับใครบ้าง ภาพเด่นชัดคือเราโบกธงไตรรงค์ด้วยความสะใจและภาคภูมิใจ โห่ร้องแบบไม่เกรงกลัวใคร
พอหันมองรอบด้าน .... ยิ่งจุกในอกเพิ่มอีกเท่า ธงชาติไทยนับหมื่นโบกสะพัดด้วยความยินดีทั้งสนาม ภาพดังกล่าว ชวนตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งลงแบบตัวสั่นเล็กๆ ไม่ใช่เพราะลมหนาว แต่เป็นความอิ่มเอิบจนเก็บอาการไม่อยู่
ทุกอย่างลงล็อคพอดีคำ ทั้งเรื่องโอกาสการเดินทาง, แม็ตช์สำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย, ได้เห็นประตูแรกของธีรศิลป์บนเวทีเจลีก, ได้เห็นการยอมรับคนไทยจากญี่ปุ่น, ได้เห็นธรงไตรรงค์โบกสะพัดอย่างสวยงาม
เหมือนพล็อตหนัง "ฟีลกู๊ด" ที่คุณคาดเดาได้ และอยากให้เป็นอย่างนั้น เพียงแค่โลกความจริง น้อยครั้งที่จะเป็นอย่างเราคิด .... ยกเว้นครั้งนี้
นี่คำอธิบายอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หากใครหรือคุณอยากรู้ว่า "Bring Back More" หมายความว่าอย่างไร?
"เก็บประสบการณ์โลกกว้าง" ..... ใช่ครับ การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ คือหนึ่งในไฮไลท์ของชีวิตผม
สามารถร่วมเดินทางไปกับเรา ไปกับ American Toruister รายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/ZtyDrf
#AmericanTouristerTH #BringBackMore #Curio #CR7
ยักษ์ ดอยแดง (นักดูฟุตบอลมืออาชีพ)