5 การเซ็นสัญญาดับสนิทของ คล็อปป์

คนเราก็ใช่ว่าจะมีสายตาเฉียบคมดั่งเหยี่ยวเสมอไป เพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เคยผิดพลาดมาแล้วในช่วงเวลาที่เขากุมบังเหียน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือแม้แต่ตอนนั่งเก้าอี้นายใหญ่ ลิเวอร์พูล เพราะมีหลายครั้งที่เจ้าตัวซื้อนักเตะมาร่วมทีมแต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
ความสำเร็จของคล็อปป์ ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืน ตอนที่เขาเข้ามากุมบังเหียนต้องใช้ทั้งความอดทน และซื้อ-ขายนักเตะอย่างเหมาะสม, ปั้นดาวรุ่งเพราะทีมมีปัญหาเรื่องการเงิน และคอยจับตามองพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของผู้เล่นเหล่านี้ จากนั้นก็ฝึกฝนพวกเขา ให้โอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ และพยายามสร้างทีมด้วยการเล่นการเล่นเป็นทีมไม่ใช่เน้นความสามารถเฉพาะตัว
สองปีหลังจากนั้น โลกลูกหนังต้องตกตะลึง เมื่อ คล็อปป์ ปั้นทีมที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเลยขึ้นมาโค่นอำนาจ บาเยิร์น มิวนิค นักเตะที่ดูโนเนมพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาประดับวงการฟุตบอล และกลายเป็นสตาร์ดัง จากนั้นก็ย้ายหนีทีมเพื่อไปเล่นให้ยักษ์ใหญ่ทั้งในบุนเดสลีกา และต่างแดน
แน่นอนว่า คล็อปป์ เป็นคนที่มีความสามารถในการดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของนักเตะออกมาได้เก่งมากๆ แต่เขาก็เคยพลาดในการเซ็นสัญญาเช่นกัน โดยมี 5 แข้งที่โดดเด่นมากๆ ตอนอยู่กับทีมอื่นแต่เมื่อมาทำงานกับ กุนซือเคราดก กลายเป็นว่าผลงานดำดิ่งลงเหว
5. ยูเลี่ยน ชีเบอร์
ยูเลี่ยน ชีเบอร์ ย้ายจาก สตุ๊ตการ์ท มาเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 5.5 ล้านยูโร (ราว 220 ล้านบาท) เมื่อซัมเมอร์ปี 2012 หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ซึ่งนั่นทำให้ "เสือเหลือง" ต้องเสียนักเตะสำคัญไปหมายคนที่ย้ายไปเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ฉะนั้นการดึง ชีเบอร์ มาร่วมทัพก็เพื่อทดแทน ลูคัส บาร์ริออส หัวหอกตัวเก่งที่ย้ายออกไป
อย่างไรก็ตาม หน้าเป้าชาวเยอรมัน มีโอกาสได้ลงสนามเพียงไม่กี่เกมเท่านั้น และยิงไปได้ไม่กี่ประตูให้กับ ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วง 2 ปีที่เล่นให้กับทีม โดย ชีเบอร์ ลงเล่นเพียงแค่ 57 เกม และส่งบอลไปนอนเล่นในตาข่าวคู่แข่งเพียงแค่ 6 ประตูเท่านั้น โดยในปี 2014 เขาโดนขายไปให้กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
4. เควิน คัมเพิล
ไม่ใช่เรื่องปกติที่ คล็อปป์ ขายนักเตะในช่วง 6 เดือนหลังจากที่นักเตะคนนั้นย้ายมาร่วมสังกัด โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับ เควิน คัมเพิล ซึ่งลงเล่นเปิดตัวในวันที่ 31 มกราคม 2015 ได้อยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จนกระทั่งจบฤดูกาลนั้นแค่เท่านั้นจริงๆ
คัมเพิล ย้ายจาก เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก มาอยู่กับ "เสือเหลือง" ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโร (ราว 480 ล้านบาท) ตอนนั้นต้องยอมรับว่านักเตะฟอร์มฮอตสุดๆ ในการเล่นให้ ซัลซ์บวร์ก ฉะนั้นค่าตัวขนาดนั้นก็สมเหตุสมผลดีแล้ว และ มิดฟิลด์ชาวสโลวีเนีย คาดหวังว่าจะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องกับทีม
อย่างไรก็ตามการที่ ดอร์ทมุนด์ มีนักเตะตัวจริงทั้ง อิลคาย กุนโดกัน, มาร์โค รอยส์ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ทำให้ คัมเพิล ต้องพบกับความยากลำบากในการสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีม แม้หากแมตช์ไหนได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริง นักเตะก็ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ เขาแทบไม่ได้แสดงให้เห็นการเล่นที่ดุดันเหมือนตอนที่อยู่กับซัลซ์บวร์กเลย
ดาวเตะเลือดสโลวีเนีย ลงเล่นให้ ดอร์ทมุนด็ 19 เกม หากมองจากฟอร์มของเขา คงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่จะต้องย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์เพื่อไปเล่นกับ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร (ราว 440 ล้านบาท) โดยตอนนี้ คัมเพิล กลายเป็นนักเตะหลักของ ไลป์ซิก ซึ่งติดท็อปทรีในบุนเดสลีกา
3. ลอริส คาริอุส
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาผิดพลาดมหันต์ในรอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชื่อว่า ลอริส คาริอุส น่าจะยังคงเป็นมือ 1 ลิเวอร์พูล ต่อไป แต่ช่างน่าเศร้า ที่ทุกอย่างมันแย่ไปหมด และตอนนี้นักเตะก็ฟอร์มย่ำแย่เกินจะห้ามใจได้
ตอนที่ คาริอุส ย้ายจาก ไมนซ์ มาเฝ้าเสารในถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 6.2 ล้านยูโร (ราว 248 ล้านบาท) นายทวารเลือดด๊อยท์ช ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเลย แต่การที่ ซิมง มิโญเลต์ ทำผลงานได้ไม่คงเส้นคงวา และฟอร์มก็ไม่ดีนักทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เสียบมือ 1 แทน
คาริอุส ได้เริ่มต้นอาชีพกับ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยดีนัก โดยมีโอกาสลงตัวจริงแค่ไม่กี่เกม อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายฤดูกาล 2017-18 เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอด และได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องให้กับ "เดอะ เร้ดส์" แต่สุดท้ายแล้วความจริงก็คือความจริง เพราะ โกล์ชาวเยอรมัน ทำพลาดมหันต์ 2 ครั้งในนัดชิงถ้วยใบโตยุโรป และปัจจุบันก็โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เบซิคตัส จนกระทั่งจบซีซั่นนี้
2. ชิโร่ อิมโมบิเล่
มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบายจริงๆ สำหรับความล้มเหลวของ อิมโมบิเล่น ภายใต้การทำงานร่วมกับคล็อปป์ ตอนนี้เขาเป็นดาวยิงตัวเก่งของลาซิโอ แต่ผลงานกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถือว่าย่ำแย่จนน่าเหลือเชื่อ คิดดูก็แล้วกันว่า อิมโมบิเล่ ตะบันตาข่ายไปแล้ว 76 ประตูจาก 104 เกมให้ "อินทรีฟ้าขาว" ฉะนั้นสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ชั้นยอด แต่กับ "เสือเหลือง" เจ้าตัวยิงไปแค่ 10 ประตูจาก 34 เกม
กองหน้าชาวอิตาเลียน คาดหวังว่าจะยิงประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อย้ายจาก โตริโน่ มาเล่นกับทีมด้วยค่าตัว 18.5 ล้านยูโร (ราว 740 ล้านบาท) ซึ่งนั่นเป็นปีที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อำลาทีมไปเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค โดย อิมโมบิเล่ ถูกดึงตัวเพื่อมาทดแทนการขาดหายไปของหัวหอกเลือดโปล แต่ด้วยการเล่นเกมแบบเพรสซิ่งสูงสไตล์ "เฮฟวี่เมทัล" ทำให้เขาปรับตัวไม่ได้
สุดท้าย อิมโมบิเล่ ใช้เวลาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น เพราะนักเตะแทบจะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่งไม่ได้เลย จากนั้นก็โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เซบีย่า และโดนขายแบบขาดทุนไปแบบถาวรให้กับทีมดังในลา ลีกา ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร (ราว 440 ล้านบาท)
1. อีวาน เปริซิช
นี่คือนักเตะอีกคนที่ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพภายใต้การทำงานกับ คล็อปป์ โดย อีวาน เปริซิช เซ็นสัญญามาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 5.5 ล้านยูโร (ราว 220 ล้านบาท) และคาดหวังว่าจะระเบิดฟอร์มเมื่อได้ทำงานร่วมกับ นายใหญ่จอมยิ้ม แต่จากการอยู่กับทีมได้แค่ปีกว่าๆ พรสวรรค์ที่นักเตะแสดงให้เห็นมันไม่เป็นอย่างที่คาดหวังเอาไว้เลย
ปัจจุบัน เปริซิช โชว์ฟอร์มสุดยอดในตำแหน่งปีกให้กับ อินเตอร์ มิลาน เขากระชากลากเลื้อยฉีกแนวรับคู่แข่งเป็นว่าเล่น, ยิงประตูได้แรง และเฉียบคมจากบริเวณนอกกรอบเขตโทษ และเปิดบอลได้อันตรายๆ สุดท้าย แต่ในตอนที่อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ มันไม่เป็นแบบนี้เลย
เปริซิช ยิงได้แค่ 12 ประตูจากการเล่น 64 เกมก่อนจะย้ายไปเล่นให้ โวล์ฟสบวร์ก ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร (ราว 320 ล้านบาท) ในเดือนมกราคม 2013 แม้ ดอร์ทมุนด์ จะได้กำไรจากดีลนี้ แต่หากพิจารณาการเซ็นสัญญากับ ดาวเตะทีมชาติโครเอเชีย ต้องถือว่า คล็อปป์ ล้มเหลวในเรื่องการพัฒนาศักยภาพของนักเตะในช่วงที่ยังเป็นดาวรุ่ง
ไม่เชื่อก็ลองดูผลงานของ เปริซิช กับการเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ในเกมเซเรีย อา เขาถือผู้เล่นกำลังสำคัญของ "งูใหญ่" และยังมีส่วนช่วย โครเอเชีย เข้ารอบชิง ฟุตบอลโลก 2018 ส่งผลให้เวลานี้นักเตะกลายเป็นแข้งเนื้อหอมที่ยักษ์ใหญ่ในลีกยุโรป อยากได้ตัวไปเสริมแกร่ง
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]