ได้ครบแล้ว!"ไฟนอลโฟร์"ศึกชิงชัยถ้วย เนชั่นส์ ลีก

ตอนนี้ได้ครบเรียบร้อยแล้ว สำหรับ 4 ทีมสุดท้ายที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ ประจำฤดูกาล 2018-19
ซึ่งประกอบไปด้วย อังกฤษ, โปรตุเกส, สวิตเซอร์แลนด์ และ ฮอลแลนด์ โดยเฉพาะทีม "อัศวินสีส้ม" นั้น คว้าตั๋วเข้าสู่รอบตัดเชือกแบบหวุดหวิดทีเดียว หลังบุกไปเจ๊า เยอรมนี 2-2 แบบสุดมันส์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้งที่โดน "อินทรีเหล็ก" ขึ้นนำก่อนสองตุง แต่พวกเขาก็มาได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีมคนเก่ง ที่ขึ้นมากระทุ้งประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งผลให้ทีมของ โรนัลด์ คูมัน แซง ฝรั่งเศส ซิวแชมป์กลุ่มหนึ่ง และทะลุเข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายด้วย "เฮด-ทู-เฮด" ที่เหนือกว่า "ตราไก่" เราจะไปสรุปกันอีกทีว่า ทั้งสี่ทีมนี้มีผลงานเป็นอย่างไรบ้างกว่าจะมาถึงรอบตัดเชือก ซึ่งจะระเบิดศึกกันที่ประเทศโปรตุเกส ช่วงต้นเดือนมิถุนายนปีหน้า
- ฮอลแลนด์ (แชมป์กลุ่มหนึ่ง)
หลังจากที่ตกต่ำไปนาน ไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นทั้งในศึก ยูโร 2016 และ เวิลด์ คัพ 2018 แบบติดๆ กัน มาตอนนี้ดูเหมือนว่า ฮอลแลนด์ เริ่มจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ซึ่งผลงานในศึก เนชั่นส์ ลีก ครั้งนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถคว้าตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ได้ ทั้งที่มีสองยอดทีมอย่าง ฝรั่งเศส และ เยอรมนี เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม
ทัพ "อัศวินสีส้ม" เปิดหัวเกมแรกด้วยการบุกไปแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 แต่สามเกมหลังจากนั้นทีมของ โรนัลด์ คูมัน เก็บชัยได้ 2 เสมอ 1 โดยเฉพาะเกมสุดท้ายกับ เยอรมนี เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือว่าดราม่ามากๆ เพราะ "อินทรีเหล็ก" ออกนำก่อนสองประตู จนดูเหมือนแทบจะหมดลุ้นเข้ารอบแล้ว แต่ ควินซี่ โพรเมส มายิงประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 85 ก่อนที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังกัปตันทีมจอมแกร่ง จะกลายเป็นฮีโร่ของทีม ด้วยการขึ้นมายิงประตูไล่เจ๊า 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จนกลายเป็นว่า ฮอลแลนด์ พลิกแซง "ตราไก่" คว้าแชมป์กลุ่มแบบ "เฮด-ทู-เฮด" เฉย
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของ ฮอลแลนด์
- แพ้ ฝรั่งเศส 1-2 (เยือน)
- ชนะ เยอรมนี 3-0 (เหย้า)
- ชนะ ฝรั่งเศส 2-0 (เหย้า)
- เสมอ เยอรมนี 2-2 (เยือน)
อันดับตารางคะแนนกลุ่มหนึ่ง
ทีม | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | แต้ม |
1.ฮอลแลนด์* | 4 | 2 | 1 | 1 | 8 | 4 | 7 |
2.ฝรั่งเศส | 4 | 2 | 1 | 1 | 4 | 4 | 7 |
3.เยอรมนี | 4 | 0 | 2 | 2 | 3 | 7 | 2 |
- สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มสอง)
ยอดเยี่ยมจริงๆ สำหรับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การนำทัพของกุนซือ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช ที่คว้าตั๋วเข้าสู่รอบรองฯ ด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มสอง และแน่นอนว่าไฮไลต์สำคัญของพวกเขาคือเกมสุดท้ายกับ เบลเยียม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเกมชี้ชะตาการเข้ารอบอย่างแท้จริงของทั้งคู่ โดยตอนแรก เบลเยียม ดูเหมือนจะบุกไปคว้าชัยได้ไม่ยาก จากการที่ขึ้นนำก่อน 2-0 ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่กลายเป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่รัวคืนทีเดียว 5 ตุง จนพลิกกลับมาเอาชนะ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ได้อย่างสุดยอดด้วยสกอร์ 5-2 ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับ ฮาริส เซเฟโรวิช หัวหอกจาก เบนฟิก้า ที่ทำแฮตทริกได้ในเกมนี้
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของ สวิตเซอร์แลนด์
- ชนะ ไอซ์แลนด์ 3-0 (เหย้า)
- แพ้ เบลเยียม 1-2 (เยือน)
- ชนะ ไอซ์แลนด์ 2-1 (เยือน)
- ชนะ เบลเยียม 5-2 (เหย้า)
อันดับตารางคะแนนกลุ่มสอง
ทีม | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | แต้ม |
1.สวิตเซอร์แลนด์* | 4 | 3 | 0 | 1 | 14 | 5 | 9 |
2.เบลเยียม | 4 | 3 | 0. | 1 | 9 | 6 | 9 |
3.ไอซ์แลนด์ | 4 | 0 | 0 | 4 | 1 | 13 | 0 |
- โปรตุเกส (แชมป์กลุ่มสาม)
"ฝอยทอง" ของกุนซือ แฟร์นานโด ซานโตส พิสูจน์ให้เห็นว่า ต่อให้ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ พวกเขาก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ได้ แถมยังเหลือโปรแกรมลงเตะอีกหนึ่งนัดที่จะต้องเปิดบ้านดวลกับ โปแลนด์ วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายนนี้ด้วย โดย โปรตุเกส ที่พกพาดีกรีแชมป์ยูโร 2016 ทำได้เยี่ยมมากๆ ในสองเกมแรกที่เปิดบ้านเชือด อิตาลี 1-0 และบุกสอย โปแลนด์ 3-2 ก่อนที่จะมาการันตีการเข้ารอบด้วยการบุกไปยันเจ๊า "อัซซูร์รี่" แบบโนสกอร์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของ โปรตุเกส
- ชนะ อิตาลี 1-0 (เหย้า)
- ชนะ โปแลนด์ 3-2 (เยือน)
- เสมอ อิตาลี 0-0 (เยือน)
- ??? โปแลนด์ ??? (เหย้า)
อันดับตารางคะแนนกลุ่มสาม
ทีม | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | แต้ม |
1.โปรตุเกส* | 3 | 2 | 1 | 0 | 4 | 2 | 7 |
2.อิตาลี | 4 | 1 | 2 | 1 | 2 | 2 | 5 |
3.โปแลนด์ | 3 | 0 | 1 | 2 | 3 | 5 | 1 |
- อังกฤษ (แชมป์กลุ่มสี่)
"สิงโตคำราม" ทีมขวัญใจของใครหลายๆ คน ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกในฐานะทีมแชมป์กลุ่มสี่ ทั้งที่สองเกมแรกมีแค่คะแนนเดียว โดยทีมของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้จุดเปลี่ยนสำคัญคือเกมที่บุกไปพลิกล็อกเชือด สเปน ถึงบ้าน 3-2 ทำให้พวกเขามีความหวังในการผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ก่อนที่จะมาทำได้สำเร็จในเกมล่าสุดที่เปิดรัง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม พลิกเชือด โครเอเชีย 2-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณทีม "ตาหมากรุก" ด้วย ที่สามารถโค่น สเปน (3-2) ได้ในเกมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน โดยตอนนี้ สกาย เบท บริษัทรับพนันชื่อดังของเมืองผู้ดี ยกให้ อังกฤษ เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์เลยทีเดียว
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของ อังกฤษ
- แพ้ สเปน 1-2 (เหย้า)
- เสมอ โครเอเชีย 0-0 (เยือน)
- ชนะ สเปน 3-2 (เยือน)
- ชนะ โครเอเชีย 2-1 (เหย้า)
อันดับตารางคะแนนกลุ่มสี่
ทีม | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | แต้ม |
1.อังกฤษ | 4 | 2 | 1 | 1 | 6 | 5 | 7 |
2.สเปน | 4 | 2 | 0 | 2 | 12 | 7 | 6 |
3.โครเอเชีย | 4 | 1 | 1 | 2 | 4 | 10 | 4 |
สำหรับรอบรองชนะเลิศนั้น จะมีการจับสลากประกบคู่ที่โรงแรมเชลเบิร์น กรุงดับลิน ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยรอบตัดเชือกจะฟาดแข้งกันที่ประเทศโปรตุเกส ช่วงวันที่ 5 และ 6 มิถุนายน ปีหน้า ส่วนเกมรอบชิงชนะเลิศ และชิงอันดับสาม จะเตะกันในวันที่ 9 มิถุนายน
- Subinho -
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]