บุรีรัมย์ กับความไร้เทียมทานที่กำลังถูกสานต่อ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่กับการคว้าแชมป์ฟุตบอลในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพวกเขาพิชิต บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในถ้วย ลีก คัพ 2022-23 ไปด้วยสกอร์ 2-0 ฟาดโทรฟี่นี้ไปเป็นปีที่สองติดต่อกัน และนับเป็นสมัยที่ 5 อีกด้วย

   ปราสาทสายฟ้าเริ่มต้นเกมแบบเป็นรองทีมกระต่ายแก้อยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดแผกไปจากที่คาดการณ์ เนื่องจาก บีจี ปทุม หมายมั่นปั้นมือมากๆ เพราะผลงานในลีกที่ย่ำแย่

   อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญกับประตูแรกที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 13 จากการประกบตัวที่หละหลวมในจังหวะเตะมุม จนเป็นเหตุให้ที่ โกรัน เคาซิช ยืนโล่งๆ ก่อนส่งบอลสู่ตาข่ายอย่างง่ายดาย แท็กติกของ บุรีรัมย์ จึงเล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

   มิดฟิลด์ชาวเซอร์เบีย ถือเป็น 'ดีลที่คุ้มค่าที่สุด' ในฤดูกาล 2022-23 อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะสร้างสมดุลให้เกมรับและรุกของทีม เขายังส่งเสริม ธีราทร บุญมาทัน ให้เฉิดฉายในตำแหน่งกองกลาง ที่สำคัญคือเรื่องการยิงประตูนี่แหละที่เจ้าตัวทำได้บ่อยครั้ง จนกลายเป็นรองดาวซัลโวของปราสาทสายฟ้าในซีซั่นปัจจุบัน

   พอขี้นนำ 1-0 อะไรต่อมิอะไรก็เป็นใจให้ บุรีรัมย์ จริงๆ

   พวกเขาเล่นไปตามจังหวะของการแข่งขัน ตอนตั้งรับ นักเตะทุกคนก็รู้หน้าที่ พอถึงเกมรุก ก็มีการเข้าทำที่หลากหลาย เล่นไปเรื่อยๆ กระทั่งมาได้ประตูปิดกล่องจากความยอดเยี่ยมของ ศุภชัย ใจเด็ด นั่นเอง

   หวังว่าหัวหอกชาวปัตตานี คนนี้จะพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถรักษามาตรฐานต่อยอดกับทีมชาติไทย ด้วยเช่นกัน เพราะในนามทัพช้างศึก ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่โหดเท่ากับเล่นให้กับต้นสังกัด หากฟอร์มเดียวกัน รับประกันเลยว่า ธีรศิลป์ แดงดา จะได้ปลดระวางอย่างสบายใจเสียที

   ไม่ใช่ว่า บีจี ปทุม สู้ไม่ได้ พวกเขาพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะทวงคืน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแนวรับ บวกกับจังหวะสุดท้ายของทีมกระต่ายแก้วนั้นไม่เฉียบขาด มันจึงทำให้ผู้ชนะในบั้นปลายคือยอดทีมแห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ

   สถิติหลังจบการแข่งขัน บุรีรัมย์ เป็นรองด้วยซ้ำในเรื่องของการครองบอลที่ตัวเลข 44 ต่อ 56 เปอร์เซ็นต์ แถมการจ่ายบอลตลอดทั้ง 90 นาที ก็น้อยกว่า (328 ต่อ 455) แต่ในเมื่อฟุตบอลนับผู้แพ้-ชนะกันที่จำนวนประตู

   ปราสาทสายฟ้าจึงได้รับการชูมือในบั้นปลาย

   นานวันเข้า บุรีรัมย์ เริ่มแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไร้เทียมทานขึ้นเรื่อยๆ ภาพเก่าๆ ที่ย้อนกลับไปในปี 2015 ที่มี ดีโอโก้ ลุยซ์ ซานโต้ ยืนค้ำอยู่ในแดนหน้า แผงมิดฟิลด์นำโดย จักรพันธ์ แก้วพรหม กับ โก ซึล-กี ส่วนเกมรับให้ อันเดรส ตูเญซ บัญชาการ พ่วงด้วยทีเด็ดจาก ธีราทร ที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ในชั่วพริบตา

   มันคือทีมชุดที่แข็งแกร่งทั่วทุกขุมกำลัง จนฟาดแชมป์ทุกรายการในสยามประเทศ แถมกับศึก ไทยลีก ยังไม่แพ้ใครเลยสักเกม

   อาจจะจริงที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยฟาด เทรเบิ้ลแชมป์ ในประเทศมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2011 และ 2013 แต่ทีมชุด 2015 จัดว่าองค์ประกอบลงตัวมากที่สุด และยังอยู่ในห้วงเวลาที่ฟุตบอลไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการแข่งขันแต่ละเกมจึงยากขึ้นตามไปด้วย

   แม้ว่าทีมชุดปัจจุบันจะไม่สามารถทำสถิติไร้พ่ายได้สำเร็จ แต่โดยรวมแล้ว พวกเขากำลังไปได้สวยทีเดียว หากฤดูกาลหน้านักเตะตัวหลักยังอยู่กันครบ ก็น่าสนใจว่า บุรีรัมย์ จะเดินทางไปได้ไกลเพียงใด

   โดยเฉพาะในถ้วยเอเชีย ที่คุณ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรปรารถนาเหลือเกินที่จะเข้ารอบให้ลึกที่สุด หลังเคยทะลุถึงรอบ 8 ทีม สุดท้ายมาแล้วเมื่อปี 2013

   ตอนนี้ยังเหลือบทพิสูจน์อีกนัดกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในศึก เอฟเอ คัพ ที่จะแข่งกันในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม โดยนัดนี้จะเล่นกันที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ซึ่งเปรียบเสมือนรังเหย้าของทีมแข้งเทพ

   หากว่ากองทัพปราสาทสายฟ้าสามารถเอาชนะบียูได้อีก คงต้องใช้คำว่า 'ไร้เทียมทาน' ขนานแท้สำหรับฤดูกาล 2022-23 ของพวกเขา

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport