เมื่อฟุตบอลเปลี่ยนไป อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จึงเล่นหมายเลข 6(ครึ่ง) ได้

เมื่อฟุตบอลมันพัฒนาแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน นั่นหมายความว่า อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สามารถเล่นตำแหน่งหมายเลข 6 ได้

นั่นคือใจความที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สื่อออกมาตอนก่อนเกมที่ลงคุมทีมเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เกมวันนั้นคือบททดสอบชิ้นใหญ่ของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ในฐานะเบอร์ 6 ลิเวอร์พูล

เขาต้องต่อสู้กับอาการเจ็ทแล็ก และเผชิญหน้ากับทีมที่ดีที่สุด

ผลที่ปรากฏออกมา แม็ค อัลลิสเตอร์ ตอบคำถามที่ถูกตั้งไว้ได้อย่างหมดจด 

เขาไม่ได้สร้างความน่าตื่นเต้นอะไรก็จริง แต่เมื่อเจาะรายละเอียดแต่ละเพลย์ แม็คก้า ทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

.

.

วันที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ เข้ามาตอนเดือนมิถุนายน 

มีการพูดคุยกันว่าเขาจะเล่นตรงตำแหน่งหมายเลข 8 ไม่ฝั่งซ้ายก็ฝั่งขวา

เวลานั้น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ ยังคงอยู่ แต่ผ่านไปเดือนหนึ่งทั้งคู่ย้ายออกไปเล่นที่ลีก ซาอุดีอาระเบีย

ซึ่งนั่นทำให้ คล็อปป์ และทีมงานต้องครุ่นคิดกันใหม่ แล้วด้วยความสารพัดประโยชน์ของ แม็ค อัลลิสเตอร์

จึงตกผลึกเบื้องต้นให้เขาทำหน้าที่เป็นหมายเลข 6

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ลิเวอร์พูล จะยึดใช้ แม็คก้า ตรงตำแหน่งนั้นไปตลอด 

ด้วยข้อเสนอที่ยื่นให้ ไบรท์ตัน เพื่อหวังได้ตัว มอยเซส ไกเซโด้ เช่นเดียวกับการตามล่า โรเมโอ ลาเวีย 

มันก็บ่งบอกว่า ลิเวอร์พูล มีแผนเรื่องกองกลางตัวรับคนใหม่เช่นกันแต่ท้ายสุดพวกเขาไปลงเอยกับ เชลซี แทน

ลิเวอร์พูล หันไปหา วาตารุ เอ็นโด และเซ็นเข้ามาด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร 

ทว่าดาวเตะซามูไร ถูกมองว่าคงต้องใช้เวลากว่าจะปรับตัวได้ และแม้ ไรอัน กราเฟนแบร์ค เข้ามาเพิ่มอีกคน แต่ คล็อปป์ เลือกที่จะใช้งานในแบบอื่น

ดังนั้น แม็ค อัลลิสเตอร์ จึงเป็นคำตอบของปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อน

.

.

.

เป็นเวลา 5 ปีระหว่างปี 2018 ถึง 2023 ที่ ฟาบินโญ่ เป็นจุดศูนย์กลางแผงมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล

การผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างร่างกาย, สรีระ และการรับรู้แทคติก ก่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบบนพื้นที่หน้าแผงแนวรับ

จอห์น มุลเลอร์ จาก ดิ แอธเลติก เผยข้อมูลความต่างยามที่ ลิเวอร์พูล มีกับไม่มี ฟาบินโญ่

ภาพนี้แสดงถึงจุดที่ ลิเวอร์พูล ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามได้ครองบอลตอนช่วง 12 นัดแรกของซีซั่นตลอด 3 ปีหลังสุด

หลายทีมไม่สามารถพาบอลทะลวงผ่านตรงกลาง ลิเวอร์พูล ได้อย่างง่าย ๆ ในตอนที่ ฟาบินโญ่ อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในฤดูกาล 2021-22 

แต่พอ แม็ค อัลลิสเตอร์ ถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งนั้น ทีมต่าง ๆ สามารถพาบอลทะลวงตรงกลางได้ด้วยอัตราที่มากกว่าเดิม 

มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมเล่นงาน ลิเวอร์พูล ตรงจุดนั้นมากขึ้น

ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่เป็นอย่างงั้นเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของทั้ง 2 คน 

จุดเด่นของ แม็ค อัลลิสเตอร์ คือการครองบอล ขณะที่ ฟาบินโญ่ อยู่ในตอนที่ไม่ได้ครองบอล 

ซึ่ง คล็อปป์ เคยพูดเป็นนัยถึงเรื่องนั้นก่อนเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนกัน

"มันขึ้นอยู่กับว่าทั้งทีมเล่นเกมรับกันยังไง แค่นั้นแหละ ถ้าเราทำได้เหมาะ ก็จะถือว่าเรามีมิดฟิลด์ตัวกลางชั้นยอดที่สามารถผ่านบอลสวย ๆ ได้และมีความมุ่งมั่นในการเล่นเกมรุก"

"คุณอยากได้นักเตะที่มีดีแค่อัดคู่แข่งให้ร่วงงั้นเหรอ ?"

"บางคนที่คิดว่า -นั่นไม่ใช่งานของฉัน ขอทีเถอะ- ทั้งที่เราได้ครองบอลเนี่ยนะ"

"ผมประทับใจกับการเล่นของเขาในบทบาทนั้นมาก ๆ และทีมของเราก็สามารถได้ประโยชน์จากเรื่องแบบนั้นได้เยอะถ้าเราทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะมีระบบการเล่นที่มีความรัดกุม"

.

.

.

คล็อปป์ ดูเหมือนว่าสนใจที่จะใช้งานนักเตะหมายเลข 6 แบบที่ต่างไปจากเดิม

เมื่อเทียบ เอ็นโด กับ ฟาบินโญ่ ก็จะเห็นว่าจุดเด่นของคนหนึ่งกลับเป็นจุดอ่อนของอีกคน

ลาเวีย เป็นอีกคนที่มีสไตล์ต่างจาก ฟาบินโญ่ แถมนักเตะทุกคนที่เป็นเป้าหมายตอนตลาดซัมเมอร์ไม่ใช่คนที่สูงอะไรเท่าไหร่

ไม่มีใครที่มีความสูงในระดับ 6 ฟุตหรือ 183 เซนติเมตรเลย

พูดง่าย ๆ ก็คือ บนโลกฟุตบอลไม่ได้มีนักเตะแบบ ฟาบินโญ่ มากนัก

ไม่ว่าใครจะอยากเรียกนักเตะตำแหน่งเบอร์ 6 ของ ลิเวอร์พูลในตอนนี้ว่าเป็นตำแหน่งเบอร์ 6 เวอร์ชั่น 2.0 ตามแบบชื่อที่ คล็อปป์ ตั้งให้หรือจะเรียกตำแหน่ง 6.5 

แต่เกมล่าสุดแสดงให้เห็นว่า คล็อปป์ พอจะหาทางแก้ได้แล้ว 

ซึ่งหมายความว่าการแก้ปัญหาในตำแหน่งนี้อาจเป็นภารกิจที่มีความสำคัญน้อยลงตอนตลาดช่วงหน้าหนาว 2024

.

.

.

เมื่อเจาะไปถึงผลงานของ ฟาบินโญ่ กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ 

สิ่งที่เห็นเป็นตัวเลขสถิติคงทำให้ใครหลายคนคาดไม่ถึง ถึงแม้จะเป็นการเปรียบเทียบในแบบที่ แม็คก้า ได้ลงเล่นน้อยกว่าก็ตาม (ลงเล่นในลีก 12 นัด)

ดิ แอธเลติก นำเสนอตัวเลขผลงาน แม็ค อัลลิสเตอร์ เทียบกับ ฟาบินโญ่ ปีที่พีคสุด(2019/20) กับปีสุดท้ายที่เขาลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล

ระดับการเล่นของ ฟาบินโญ่ ลดลงเห็นได้ชัด สิ่งที่น่าสนใจคือการเข้าปะทะ (2.7 ครั้งต่อ 90 นาที) กับการตัดบอล (1.5 ครั้งต่อ 90 นาที) ของ แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นตัวเลขเดียวกับ ฟาบินโญ่ เวอร์ชั่นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เลย

สิ่งที่น่าประทับใจคือ แม็คก้า มีค่าเฉลี่ยชนะการเอาบอลกลับมาครองต่อ 90 นาที (7.4 กับ 6.8) และเอาชนะบนแดนสามได้มากกว่า (1.1 กับ 0.6)

แต่อย่างไร เรื่องการเอาชนะบนแดนสามนั้นมันได้รับความเกื้อหนุนจากการที่ตอนนี้ คล็อปป์ ต้องการให้นักเตะหมายเลข 6 รับหน้าที่แบบหมายเลข 8 ควบไปด้วยในตอนที่ทีมไล่กดดันตั้งแต่ในพื้นที่ของคู่แข่ง

.

.

.

ตามที่เห็นในด้านล่าง แม็ค อัลลิสเตอร์ ช่วย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ โฌแอล มาติป ได้ดี

เขาเข้าไปถึงบอลที่กระฉอกออกมาในจุดที่อันตรายได้เป็นคนแรก และเอาบอลกลับมาครองให้กับทีม โดยในจังหวะนี้เขารับมือกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ 

ตอนครึ่งหลัง เขาตอบสนองได้เร็วกว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา และเก็บบอลไว้อย่างเยือกเย็นภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน

การคาดการณ์ล่วงหน้าคือสิ่งที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ นำมาใช้เวลาที่จะตัดบอลคู่แข่ง

เขาเป็นนักฟุตบอลที่ฉาด และสามารถอ่านการส่งบอลล่วงหน้าได้หนึ่งจังหวะจนนำไปสู่การตัดบอลในเกมเจอ ซิตี้

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ แทบไม่มีบทบาทและ ซิตี้ ไม่สามารถเจาะตรงกลางของ ลิเวอร์พูล แบบจริงจังได้ 

เพราะทั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซโบซไล และ เคอร์ติส โจนส์ ยืนตำแหน่งกันได้อย่างรัดกุม มันทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ถูกบีบให้ผ่านบอลไปยัง เฌเรมี่ โดกู ตรงด้านข้างมากกว่าปกติ

เวลาที่พวกเขาเจาะตรงกลางคือตอนที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ อยู่ตัวคนเดียว แต่พอ มานูเอล อาคันยี่ ผ่านเขาไปได้แล้วนั้น โซโบซไล จะเข้ามาช่วยได้ทันเวลา

ซึ่งทั้งคู่นิ่งพอที่จะช่วยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นบอลจากแดนหลังได้และใช้จังหวะเกมสวนกลับเร็ว

แม็ค อัลลิสเตอร์ อาจไม่ได้เข้าบอลได้ดีเหมือน ฟาบินโญ่ แต่เขาก็มีส่วนร่วมกับการดวลแบบเฉลี่ยต่อ 90 นาทีเยอะกว่าดาวเตะชาวบราซิเลี่ยน (12.7 ครั้ง ต่อ 10.5 ครั้ง) 

ความแตกต่างคืออัตราความสำเร็จ โดยถ้าดูเป็นค่าเฉลี่ย แม็ค อัลลิสเตอร์ เหนือกว่านิดหน่อย (5.9 ครั้งต่อ 5.7 ครั้ง) แต่ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ ฟาบินโญ่ จะอยู่ที่ 54.5 %

ขณะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำได้ 46.7 % ถึงกระนั้นไม่น่าแปลกใจที่ตัวเลขจะออกมาแบบนี้เมื่อพิจารณาถึงจุดเด่นของแต่ละคน

ความเร็วยังเป็นปัญหา โดกู ฉีกหนี แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้ง่าย ๆ ตอนที่ดวลกันตัวต่อตัว 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ใช่นักเตะที่รวดเร็วมาตั้่งแต่แรก แล้วที่จริง ฟาบินโญ่ ก็ไม่ใช่คนที่ว่องไวเหมือนกัน 

แม็ค อัลลิสเตอร์ ฉลาดพอที่จะยอมเสียฟาวล์เพื่อหยุดการสวนกลับเร็ว หนึ่งในสิ่งที่ตอกย้ำถึงเรื่องนั้นคือการที่เขาเคยสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบจนโดนแบนไป 1 นัดในช่วงก่อนโปรแกรมเกมทีมชาติ แต่หลายครั้งเขาก็เสียท่าให้คู่แข่งเองเหมือนกัน

มันไม่ใช่ตำแหน่งที่ความสามารถด้านเทคนิคกับการผ่านบอลของ แม็ค อัลลิสเตอร์ จะเฉิดฉายออกมาได้ 

ในฤดูกาลนี้เขาพยายามผ่านบอลไปเฉลี่ย 70.3 ครั้งต่อ 90 นาที และผ่านบอลเข้าเป้า 62 ครั้งต่อ 90 นาที ซึ่งสูงกว่าที่ ฟาบินโญ่ ทำได้ทั้ง 2 ด้าน

แม็ค อัลลิสเตอร์ ดูคุมเกมได้แบบไม่ยากเย็น และความนิ่งแบบนั้นทำให้ ลิเวอร์พูล กำหนดจังหวะการเล่นได้ดีตามไปด้วย 

ซึ่งนั่นถือว่าต่างกับ ฟาบินโญ่ อย่างมาก เพราะแม้ว่า ฟาบินโญ่ เป็นคนที่ครองบอลได้ดี แต่โดยรวมแล้วเขาปล่อยให้คนอื่นทำการขึ้นเกมรุกให้กับทีม

แม้ว่าส่วนตัว แม็คก้า จะอยากช่วยคุมเกมให้ได้ แต่ว่าเขายังพร้อมที่จะเล่นแบบเสี่ยง ๆ 

ในฤดูกาลนี้เขามีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลขึ้นหน้า หรือการผ่านบอลไปข้างหน้าอย่างน้อย 10 หลาที่เข้าเป้าเป็นจำนวน 7 ครั้งต่อ 90 นาที 

และยังมีค่าเฉลี่ยการพาบอลไปข้างหน้า หรือการเลี้ยงบอลขึ้นไปเองเป็นระยะอย่างน้อย 10 หลาเป็นจำนวน 1.3 ครั้งต่อ 90 นาทีด้วย

ขณะที่ ฟาบินโญ่ มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลขึ้นหน้า 5.4 ครั้งในฤดูกาลก่อน และ 5.6 ครั้งในซีซั่น 2019-20 

ส่วนซีซั่น 2022-23 เขาพาบอลไปข้างหน้าเฉลี่ย 0.5 ครั้ง และทำได้ 0.8 ครั้งในซีซั่นที่ทีมได้แชมป์ลีก

ในเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ พยายามผ่านบอลไปข้างหน้าบ่อย ๆ จนถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สื่อถึงจุดเด่นของตัวเอง 

เขาถอยลงไปลึกเพื่อรับบอลในตอนแรกจากนั้นก็ผ่านบอลไปในพื้นที่ว่างเพื่อให้ โจนส์ เล่นต่อ

เขาเชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมจะรับมือกับลูกจ่ายของเขา และเอาตัวรอดจากการกดดันของ แบร์นาร์โด้ ได้

30 วินาทีต่อมา แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำการครองบอลแม้ว่ากำลังถูกผู้เล่น ซิตี้ รายล้อม เขาเพียงพลิกตัวและพาบอลไปข้างหน้า

แล้วทลายไลน์เกมรับด้วยการส่งบอลให้ โจนส์ อีกรอบ

ทำนองเดียวกัน นี่เป็นการส่งบอลต่อให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ยืนตรงพื้นที่ว่างด้านหน้าแนวรับ

แต่สิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้นตอนนาที 16 เมื่อ แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้บอลตรงพื้นที่แคบแถมยังหันหน้าเข้าฝั่งประตูตัวเอง

เขาเลือกเล่นวิธีง่าย ๆ แต่สามารถดึงผู้เล่น "เรือใบสีฟ้า" สามคนเข้ามาหา แล้วเขาก็จ่ายบอลให้ โจนส์ อีกครั้ง

จังหวะต่อเนื่อง โซโบซไล แทงต่อให้ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ดาวยิงอุรุกวัย ถูกรุมกินโต๊ะจนไม่สามารถจบสกอร์ได้    

.

.

.

การรับบทบาทหมายเลข 6 ของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ได้ถึงขั้นสมบูรณ์ เพราะเขาอยู่ในช่วงปรับตัวกับตำแหน่งใหม่ที่ต้องเจอกับหน้าที่ในการเล่นเกมรับมากกว่าแต่ก่อน 

ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยคิดว่า ลิเวอร์พูล ต้องหากองกลางตัวรับมาเล่นตรงนี้ เพราะไม่อยากให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ ต้องทนกับบทบาทหมายเลข 6 ซึ่งเป็นเหมือนจำกัดความสามารถของเขา

แต่ในเมื่อเงื่อนไขอะไรหลายอย่างมันบีบบังคีบให้เขาต้องเล่นตรงนั้น และ คล็อปป์ เองก็กำลังหาสูตรเพื่อให้เกิดความลงตัว 

พอได้ยินที่เขาให้สัมภาษณ์ก่อนเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ จึงทำให้เข้าใจอะไรได้หลาย ๆ อย่าง

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport