เดอปาย คัมแบ็ก?

เมื่อวันก่อนขณะนอนเล่นอยู่บนเตียงอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ "กุมารทอง" ตนหนึ่งซึ่งผมเลี้ยงไว้ก็โผล่มากระซิบที่ข้างหูว่า "นายๆ นายยังจำนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ชื่อ เมมฟิส เดอปาย ได้หรือเปล่าฮับ?"
ผมตอบกลับไปว่า "จำได้ซี่ย์ย์ย์...ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ"
ว่าแล้วมันจึงรายงานต่อมา "แล้วนายรู้ไหมฮับว่า ตอนนี้ไอ้หมอนี่มันโชว์ฟอร์มดีมากเลยนะ"
"ขอบใจมากนะ...ธนาธร (ครับ-ผมตั้งชื่อกุมารทองตนนี้ว่า "ธนาธร") ที่เอาเรื่องนี้มาบอก" ผมตอบ ทันใดภาพในจอโทรทัศน์ก็เอาจังหวะที่ดาวเตะผู้นี้สังหารจุดโทษอย่างเยือกเย็นและเหนือชั้นในเกมที่ฮอลแลนด์ดับแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศส มาให้ผู้ชมทางบ้านอย่างผมดูพอดี และนั่นทำให้คอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผมจำเป็นต้องกระแทกนิ้วบนแป้นพิมพ์ถึงเรื่องนี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อยตัวดาวเตะสายพันธุ์กังหันลมผู้นี้ออกจากทีมไปเมื่อเดือนมกราคม 2017 ในราคาขาดทุนประมาณ 16-17 ล้านปอนด์ หลังจากที่พุ่งชนความล้มเหลว ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้เล่นปีศาจแดง แถมกลายเป็นหนึ่งในความอัปยศของหมายเลข 7 ในตำนานอีกต่างหาก
นับตั้งแต่นั้น ดูเหมือนคุณพี่เขาจะกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อลงเล่นให้ลียง 87 นัด ยิง 33 ประตูจากทุกรายการ โดยแบ่งเป็นการยิงในฟุตบอลลีกสูงสุดของฝรั่งเศส ถึง 29 ประตูเลยทีเดียว
ค่าเฉลี่ยต่อนัดในการทำลายตาข่ายถือว่าไม่เลว
แน่นอนว่าคุณภาพและมาตรฐานของลีก เอิง ย่อมแตกต่างจากลีกสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งมันก็แทบไม่ต่างจากตอนที่เขายังอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอยู่ในลีกดัตช์นั่นแหละ ที่ยิงสนั่นจนอดีตนายใหญ่ทีมชาติฮอลแลนด์อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล อดรนทนไม่ไหวต้องยอมเบิกเงินกองคลังสโมสรไปคว้าดาวรุ่งพุ่งกระฉูดแตกตัวนี้ตัดหน้าทั้ง อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล มาในราคา 25 ล้านปอนด์
ทั้งที่ตอนนั้น เมมฟิส เดอปาย เพิ่งมีอายุแค่ 20 ขวบเท่านั้นเอง
ต่อเมื่อลงเล่นในพรีเมียร์ลีกที่อุดมด้วยนักเตะระดับดาวดัง สไตล์การเล่น ความเร็ว และความหนักหน่วงรุนแรงก็ค่อนข้างแตกต่างจากเดิม มันจึงไม่ง่ายที่จะเอาตัวรอด
บันทึกว่า เมมฟิส เดอปาย ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งหมด 53 นัด โดยทำได้ 7 ประตูในทุกรายการ แต่ที่น่าเกลียดยิ่งกว่าคือกระทุ้งตาข่ายในสมรภูมิแข้งพรีเมียร์ลีกได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น!
สุดท้ายจึงถูกเนรเทศออกจากเครื่องแบบปีศาจแดงในรูปแบบของการ "เลหลัง" และถือเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว
ในสมรภูมิแข้งที่คุณภาพและมาตรฐานต่ำกว่าพรีเมียร์ลีกอย่าง ลีก เอิง มันอาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่เขาจะถล่มตาข่ายได้มากขึ้น รวมถึงมีฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
แล้วฟอร์มการเล่นที่กระฉูดกับทีมชาติล่ะจะอธิบายว่าอย่างไร?
อืมมมมมม...นะ
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมมฟิส เดอปาย ยิงประตูได้ในเกมที่อัศวินสีส้มยัดเยียดความน่าอับอายให้อดีตแชมป์โลกอย่างเยอรมัน ถึง 3-0
เท่านั้นไม่พอ ยังทำประตูได้ในเกมที่ฮอลแลนด์ดับแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสอีกต่างหาก แม้จะมาจากการสังหารจุดโทษก็จริง แต่มันจัดเป็นการยิงที่เหนือชั้น และแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นยิ่งนัก
เฉพาะในปี 2018 ดาวเตะวัย 24 ผู้นี้ยิงให้ทีมชาติของตัวเองไปแล้ว 8 ประตู (ยังไม่นับเกมล่าสุดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมานะครับ) รวมเป็นการยิงไป 13 ประตู
ผลงานในระดับสโมสรกับลียง อาจไฉไลเพราะเล่นในลีก เอิง แต่ผลงานในทีมชาติก็น่าจะพิสูจน์ให้เห็นในระดับหนึ่งว่าเป็น "ของจริง"
ที่แน่ๆ คือไม่ใช่นักเดะดาดๆ คนเดิมที่เคยอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด
เข้าใจครับว่าคุณภาพของลีก เอิง มันต่ำกว่าพรีเมียร์ลีก กระนั้นการถล่มตาข่ายได้อย่างสม่ำเสมอก็แสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม...มิใช่หรือ???
นอกจากนี้ยังไม่ค่อยมีเรื่องการทำตัวไม่เหมาะสมนอกสนามอีกต่างหาก
อย่าลืมนะครับว่า ตอนที่ขายวิญญาณให้ปีศาจแดง เมมฟิส เดอปาย เพิ่งมีอายุแค่ยี่หมิบเท่านั้น บางทีตอนนั้นเขาอาจยังเด็กและดิบเกินไปกว่าที่จะรับมือกับความโด่งดังระดับดาวเตะหมายเลข 7 ของแมนฯ ยูไนเต็ด...ก็...เป็น...ได้
ประหนึ่งวัยรุ่นและซอยยิกทั่วไปที่มักหลงระเริงกับแสงสียามราตรี ตอนตะบันชีวิตที่แมนเชสเตอร์ เมมฟิส เดอปาย เสียเวลาไปกับการแต่งตัวและรถหรูมากกว่าการตั้งใจฝึกฝนอย่างจงหนัก พลางมุ่งมั่นที่เกมลูกหนังเพียงอย่างเดียว
คล้ายๆ กับสำนวนไทยที่บอกว่า "สามล้อถูกหวย" นั่นแหละ
มันคือ "บทเรียน" ที่ช่วยให้เขาเติบโตและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ขณะที่การได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องในทีมที่ขนาดเล็กลงช่วยลับฝีเท้าให้คมมากยิ่งขึ้น ผิดกับตอนอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ความเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเวลาให้เขาพิสูจน์ความสามารถของตัวเองมากนัก
กรณีนี้เหมือนแมนฯ ยูไนเต็ด มีความอดทนไม่เพียงพอ ผู้จัดการทีมที่ปล่อย เมมฟิส เดอปาย ออกจากทีมไปคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่อยู่ในแผนการทำทีม และไม่อยู่ในสายตาของกุนซือปีศาจแดงคนปัจจุบัน
แตกต่างจากตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นพ่อใหญ่แห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นมหาอำนาจลูกหนังจนเอื้อให้ผู้เป็นกุนซือสามารถทดลองหรือให้โอกาสใครสักคนแบบดันทุรังได้อย่างสุดซอย
ยกตัวอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่คุณป๋าต้องอดทนรอถึง 3 ฤดูกาลให้ดาวเตะผู้นี้เล่นเพื่อตัวเองมากกว่าเล่นเพื่อนทีม พลางสับอย่างพร่ำเพรื่อท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว่าจะมาตกผลึกเอาในฤดูกาลที่ 4
เรียกว่าเพาะบ่มจนได้ที่นั่นแหละ ก่อนไอ้เจ็ตโด้จะตอบแทนความอดทนของท่านพระยาหมื่นลูกหนังอย่างคุ้มค่า
เพียงแต่ใน พ.ศ. นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมาอดทนรอเหมือนในยุคที่ตัวเองยังเรืองอำนาจไม่ได้แล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้มีทีมที่ยอดเยี่ยมพอที่จะเสียเวลาทดลองสักคนผู้เล่นโดยใช่เหตุ
เมมฟิส เดอปาย จึงถูกปล่อยตัวออกไป ทั้งๆ ที่อาจเป็นผู้เล่นระดับอ๋องตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างไรก็ตาม
จุดหนึ่งที่น่าสังเกตคือ ตอนขายออกจากทีม - แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเงื่อนไขพิเศษเอาไว้ว่า ตัวเองเป็นทีมแรกที่มีสิทธิ์ซื้อตัวดาวเตะดัตช์ผู้นี้กลับมาร่วมทีมทันที หากนักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างไฉไลอีกครั้ง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า พวกเขาก็พอมองเห็นความสามารถของ เมมฟิส เดอปาย อยู่เหมือนกันจึงทำออปชั่นเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน
ว่าแล้วก็มาถึงคำถามสำคัญ
คือในเมื่ออุตส่าห์ทำเงื่อนไขพิเศษเอาไว้ - แล้วแมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะกระชาก เมมฟิส เดอปาย กลับมาจากลียงหรือเปล่า???
เรียนตามตรงว่า ตอบยากชิบหายเลยนะครับ เพราะความล้มเหลวของดาวเตะผู้นี้ในเครื่องแบบปีศาจแดงมันยังติดตาอยู่เลย!
แต่ฟอร์มการเล่นของ เมมฟิส เดอปาย ก็เปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยองขึ้นจริงๆ นะครับ
...ว่าแล้วไปถามกุมารทองอย่าง "ธนาธร" ดีกว่า
"หนูว่ามันค่อนข้างเสี่ยงอยู่เหมือนกันนะฮับ" ด.ช.ธนาธร หล่นความเห็น
"เสี่ยงยังไงเหรอ...ธนาธร?" ผมโยนความสงสัยให้เขา ก่อนที่กุมารทองตนนี้จะร่ายยาว
"คือมันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะเอาฟอร์มกระฉูดแตกในลีก เอิง มาที่พรีเมียร์ลีกด้วยนี่นา และที่สำคัญคือหนูว่าเขาจะต้องแบกรับความกดดันมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วยความคาดหวังที่สูงขึ้น"
"ถ้าเล่นดี ถ้ายิงประตูได้ก็รอดตัวไปใช่ไหม แต่ถ้าล้มเหลวเหมือนเดิมล่ะ หนูบอกได้อย่างเดียวเลยว่า...เชี่ยนะฮับ"
"และคนที่จะเจ็บเป็น 2 เท่าคือพวกเด็กผีนี่แหละ"
"จำตอนที่แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัว ปอล ป็อกบา กลับมาในราคา 89 ล้านปอนด์ ได้ป่าวว่ามันถูกล้อเลียนขนาดไหน ไอ้พวกคลอดทางตูดในโลกโซเชียลมันถากเอาว่ามีเงินอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องโง่ด้วยเห็นมั้ย"
"นอกจากนี้ตำแหน่งถนัดของเดอปาย คือกองหน้าด้านซ้าย ซึ่งตอนนี้ในทีมปีศาจแดงก็มี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ อเล็กซิส ซานเชซ อยู่แล้ว จะเอามาเพิ่มทำแมวน้ำอะไรล่ะฮับ"
"หนูจึงอยากบอกบรรดาเด็กผีว่า ช่างหัวลูกสาวคุณยายมันเถิดนะฮับ อย่าไปเสียดงเสียดาย อย่าไปอาลัยอาวรณ์อะไรมันให้มากนักเลย คิดเสียว่าจากกันไปแล้ว - จบกันไปแล้วก็ให้แล้วกันไป เดี๋ยวหนูขอตัวไปชักว่าวก่อนนะฮับ พอดีนัดเพื่อนกุมารเอาไว้ว่าวันนี้จะไปชักว่าวกันที่บ้านของสุเทพ"
เรียนตามตรงว่า ผมก็มองเห็นแบบเดียวกับกุมารทองที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้นั่นแหละครับ คือมันค่อนข้างเสี่ยงต่อการเสียน้องหมาอย่างรุนแรงหากแมนฯ ยูไนเต็ด ไปซื้อ เมมฟิส เดอปาย กลับมา
"สุดท้ายในฐานะกุมารทองยุคสี่จี ก่อนจะไปชักว่าวมีอะไรอยากจะพูดกับท่านผู้อ่านไหมครับ?" นานๆ จะออกมาพบผู้อ่านสักที ผมอยากให้เขาทิ้งท้าย
"มีฮับ...คือหนูว่าการบริหารพื้นที่ทางเท้าให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน คนในพื้นที่ต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้จุดไหนเป็นจุดผ่อนผัน จุดไหนห้ามขายของ ไม่ใช่รอคำสั่งจากรัฐบาล คนรายได้น้อยทั่วกรุงเทพฯ ต้องอาศัยฝากปากท้องกับร้านอาหารริมทาง ไม่นับพ่อค้าแม่ค้าที่เดือดร้อนจากการถูกกวาดล้างออกจากริมถนนจริงไหมฮับ"
อ้าว...คุยกันเรื่อง เมมฟิส เดอปาย อยู่ดีๆ ดันมาจบลงด้วยเรื่องนี้ซะอย่างนั้น
อะไรของมึงครับเนี่ย...ธนาธร!
บอ.บู๋