3 นักชกไทยลิ่วชิงทอง "สปินเตอร์"ร่วงตัดเชือก ศึกอิฟม่าเวิลด์ที่จังโก้

3 กำปั้นไทยลิ่วสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึก "อิฟม่า มวยไทย เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018" ที่แดนจังโก้ นำทัพโดย "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา, "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ ชิลนาค และ "ยอดวิชา เข้มมวยไทย" คมสัน ทันตะขบ
ขณะที่อดีตแชมป์เก่า "สปิ้นเตอร์ แป๋งกองปราบ" โชติชนินทร์ โคกกระชาย พลาดท่าพ่ายรอบตัดเชือกให้คู่ชกชาวเบลารุส ยังเหลือลุ้นเข้าชิงเหรียญทองอีก 2 รุ่นทั้ง "โลมา ลูกบุญมี" สุภิสรา คนหลัก อดีตแชมป์เก่าปี 60 และ ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ หรือ หยาดรุ้ง เต๊ะหิรัญ แชมป์สุดสวยมวยไทยโลก
ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม ผจก.ทีมมวยไทยสมัครเล่นทีมชาติไทย รายงานการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลกศึก "อิฟม่า มวยไทย เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018" เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ เมืองแคนคุน ประเทศเม็กซิโก เป็นการชิงชัยในรอบรองชนะเลิศ โดยก่อนหน้านี้นักชกไทยสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาได้แล้ว 2 คน คือ รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. ชาย "เพชรพันล้าน เพชรสี่หมื่น" อภิเชษฐ์ นาคแก้ว นักมวยดาวรุ่งดวงใหม่ และ รุ่นฟลายเวท 51 กก. ชาย "นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก อดีตแชมป์เก่า 4 สมัย ส่วนการชิงชัยในวันนี้นักชกไทยมีคิวลงสนามอีก 4 คน ได้แก่ รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา เจ้าของแชมป์เก่า 3 สมัย, รุ่นไลท์เวท 60 กก. "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ ชิลนาค อดีตแชมป์ปี 60 ที่เบลารุส, รุ่นไลท์มิดเดิ้ลเวท 71 กก. "ยอดวิชา เข้มมวยไทยยิม" คมสัน ทันตะขบ นักชกหน้าใหม่ในนามทีมชาติ และ รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. "สปิ้นเตอร์ แป๋งกองปราบ" โชติชนินทร์ โคกกระชาย แชมป์เมื่อปีที่แล้ว
ผลปรากฏว่า 3 นักชกไทยยังโชว์ฟอร์มพลังหมัดได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นผลสำเร็จ ประกอบด้วย "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ ออกอาวุธได้อย่างหนักหน่วงทั้งหมัดและเท้าเอาชนะคะแนน อัลมาส ซารีเมอร์คอฟ จากคาซัคสถานไปอย่างสนุก 3-0 เสียง ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองพบกับ วาลาดีเมีย มาคาส ของยูเคน มาต่อกันที่ "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ เร่งเดินหน้าแทงเข่าและออกหมัดได้เป็นพายุชนะคะแนน วาดี้ เฟลิเป้ ของสวีเดนไปแบบสบาย 3-0 เสียง ลอยลำเข้าไปชิงฯพบกับ อลิส บีเจ้นส์ ชาวรัสเซีย ปิดท้ายกันที่ "ยอดวิชา เข้มมวยไทยยิม" คมสัน เดินหน้าแลกเดือดตั้งแต่วินาทีแรก พร้อมปล้ำตีเข้าวงในและสาดแข้งเข้าลำตัวจน โอกัส เยดิเรม คู่แข่งชาวตรุกีอ่อนปวกเปียก ก่อนจะมาได้จังหวะจับคอตีเข้ากระแทกไปที่หน้าของ โอกัส จนต้องขอยอมแพ้ไปในยกที่สอง ส่งผลให้ คมสัน ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองพบ อังเดร คูราบิน นักชกตัวเก๋าของเบลารุส
ขณะที่ "สปิ้นเตอร์ แป๋งกองปราบ" โชติชนินทร์ โคจรมาพบกับ มิคาไล ซาวิโดกี้ จากเบลารุส เปิดฉากมายกแรก นักชกไทยที่เป็นแชมป์เก่าพยายามออกอาวุธและบังแข้งคู่แข่งได้ดี แถมมีโต้เข้าเป้าเป็นระยะ แต่พอสิ้นเสียงระฆังนักมวยไทยตามหลัง 9-10 คะแนน มาถึงยกสอง โชติชนินทร์ เดินหน้าไล่เพื่อหวังทวงแต้มคืน แต่ก็ถูก มิคาไล ดักทางได้หมดแถมยังมีหมัดโต้และดักแข้งมาเป็นระยะตามหลังอยู่อีก 18-20 คะแนน ก่อนที่ยกสุดท้าย "สปิ้นเตอร์ แป๋งกองปราบ" ไม่มีอะไรจะเสียต้องน็อคอย่างเดียวถึงจะเข้ารอบ แต่ก็ไล่คู่ชกของเบลารุสไม่จนจบเกมนักมวยไทยเป็นฝ่ายแพ้ไป 0-3 เสียง ได้เหรียญทองแดงไปปลอบใจ
หลังการชก อ.สุรัตน์ เสียงหล่อ เฮดโค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยว่า จากนักมวยไทย 8 รุ่นที่มาถึงรอบตัดเชือกเวลานี้เราสามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้แล้ว 5 รุ่น ยังเหลือมีลุ้นนักมวยหญิงอีก 2 คน คือ "โลมา ลูกบุญมี" สุภิสรา คนหลัก แชมป์เก่าปีที่แล้ว และ "ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ" หยาดรุ้ง เต๊ะหิรัญ เจ้าของสุดสวยมวยไทยโลก หากทั้งสองคนสามารถผ่านรอบนี้ไปได้อีกก็จะทำให้ทัพมวยไทยเรามีลุ้นถึง 7 เหรียญทอง ซึ้งมาถึงตรงจุดนี้ตัวเองต้องขอบอกว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทุกอย่างต้องดูหน้างานและบนเวทีเป็นหลัก เนื่องจากวิธีการให้คะแนนของผู้ตัดสินมวยไทยในรายการนี้มันกลายพันธ์ไปเสียแล้ว บางครั้งแค่เตะขัดขาหรืออีกฝ่ายทำให้คู่แข้งล้มลงไปก็ได้คะแนนแล้ว ทั้งที่จริงวิธีการให้คะแนนแบบสากลมันมีกฏกติกาอยู่อย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรถึงจะได้แต้ม บุกอย่างไรจึงจะได้คะแนน หรือ ตั้งรับอย่างไรไม่ให้ตัวเองเสียแต้ม แต่ไม่รู้ว่า ทำไมการตัดสินจึงออกมาค้านสายตาหลายคู่ ส่วนตัวก็ได้ย้ำนักมวยไทยทั้งหมดว่า ต้องทำคะแนนให้ขาด อย่าได้ออกอาวุธเพื่อหวังจะสูสีเลย เพราะโอกาสที่จะพ่ายแพ้มีสูง ส่วนเป้าหมาย 6 คงเหรียญทองที่ตัวเองวางไว้นั้นยังคงอยู่ในเส้นทางอยู่ แต่ทุกอย่างจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเวลานี้คู่แข่งต่างชาติมีการพัฒนาดีขึ้นจนน่าใจหาย โดยเฉพาะทุกชาติที่ผ่านมาถึงรอบนี้ล้วนไม่ธรรมดาเลย
สำหรับนักมวยไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย ได้แก่ รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. ชาย "เพชรพันล้าน เพชรสี่หมื่น" อภิเชษฐ์ นาคแก้ว นักมวยดาวรุ่งดวงใหม่ กับ รุ่นฟลายเวท 51 กก. ชาย "นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก อดีตแชมป์เก่า 4 สมัย, รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา ดีรกีแชมป์เก่า 3 สมัย, รุ่นไลท์เวท 60 กก. "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ ชิลนาค อดีตแชมป์ปี 60 ที่เบลารุส และ รุ่นไลท์มิดเดิ้ลเวท 71 กก. "ยอดวิชา เข้มมวยไทยยิม" คมสัน ทันตะขบ นักชกหน้าใหม่ที่มารับใช้ชาติเป็นครั้งแรก ส่วนนักชกหญิงอีก 2 คนที่จะลงทำการแข่งขันคือ รุ่นฟินเวท 45 กก. "โลมา ลูกบุญมี" สุภิสรา คนหลัก แชมป์เก่าปีที่แล้ว และ รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. "ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ" หยาดรุ้ง เต๊ะหิรัญ