จัดใหญ่ครั้ง 26 ส.ค.นี้ ฟุตบอลรักเมืองไทย "วปอ." ดวล "สถาบันพระปกเกล้า"

"บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานจัดฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ระหว่าง 2 สถาบัน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และ สถาบันพระปกเกล้า เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ความสามัคคี ทั้ง 2 สถาบัน ในการสร้างจิตสำนึกให้สังคมเห็นถึงความปรองดองสมานฉันท์ นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ แข่งขัน 2 ประเภท Junior กับ Senior พร้อมดึง "เปาแป๊ก" อดีตผู้ตัดสินฟีฟ่าทำหน้าที่ฟุตบอลโลก กลับคืนสังเวียนลูกหนังลงชี้ขาดในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมนี้ ณ สนามศุภชลาศัย ยิงสดทางทรูวิชั่นส์

 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2566 ณ สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ในฐานะประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2566 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ พร้อมด้วย พลโท ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ หรือ วปอ. และ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ร่วมเป็นประธาน แถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย นอกจากนี้ยังมี "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ที่มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตกองกลางทีมชาติไทย ที่มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมสถาบันพระปกเกล้า รวมถึงแขกผู้มีเกียรติทั้งสองสถาบัน ร่วมงานแถลงข่าวอย่างคับคั่ง

 "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 1 ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ว่า ทั้ง 2 สถาบันเป็นสถาบันหลักของประเทศที่ให้ความรู้ และผลิตบุคลากรของชาติ ซึ่งที่ผ่านมา วปอ.ได้มีการแข่งขันฟุตบอลลีกภายในมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคีที่ดีต่อกัน ระหว่าง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กับ สถาบันพระปกเกล้า ที่ทั้ง 2 สถาบัน นอกเหนือจากที่ให้ความรู้แล้ว ยังช่วยทางนิติกรรมในวงการกีฬามาต่อเนื่อง จึงมาผนึกกำลังทั้ง 2 สถาบันให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน ให้เกิดความรักความสามัคคี เพื่อสื่อและสร้างจิตสำนักให้สังคมเห็นถึงความปรองดองสมานฉันท์ ความรักความสามัคคีระหว่างคนไทยด้วยกัน ในอันที่จะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกๆ ด้าน

 "โดยใช้แบบฟุตบอลประเพณี "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" ที่เป็นที่ยอมรับ เพราะ 2 สถาบันได้ผลิตบุคลากรเป็นผู้นำในหน่วยงานต่างๆ ของชาติ เช่นเดียวกับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และ สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งการใช้กีฬามาเชื่อมโยงทุกมิติให้เกิดความรักความสามัคคี โดยจะแข่งขัน 2 ประเภท Junior กับ Senior และอยากให้กีฬาประเพณีฟุตบอล "รักเมืองไทย" เกิดขึ้นทุกปีนับจากนี้"

 "บิ๊กแป๊ะ" ยังกล่าวอีกว่า การจัดการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแข่งขันครั้งแรกของทั้ง 2 สถาบันแล้ว ยังมีไฮไลต์ของผู้ตัดสินที่จะได้ "เปาแป๊ก" ปรัชญา เพิ่มพานิช อดีตผู้ช่วยตัดสินฟีฟ่า ที่เคยทำหน้าที่ผู้ช่วยตัดสินในฟุตบอลโลกปี 2006 และ คอนเฟดเดอเรชันส์ คัพ ที่ประเทศเยอรมนีมาแล้ว พร้อมกับทีมงานผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าของเมืองไทย มาสร้างมนต์เสน่ห์ของการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ในครั้งนี้ให้มีมนต์ขลังยิ่งขึ้น นอกจากจะได้อดีตนักเตะทีมชาติไทย ทั้ง "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เจ้าของฉายา "เพชรฆาตหน้าหยก" และ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล ฉายา "เท้าช่างทอง" มาเป็นโค้ชให้กับทั้ง 2 ทีมแล้ว

 "สำหรับการแข่งขันยังได้รับความร่วมมือที่ดีจาก นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ที่เป็นนักศึกษา วปอ.ให้การสนับสนุนการถ่ายทอดสดผ่านทางทรูวิชั่นส์ ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-21.30 น. ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการแข่งขันครั้งนี้ รวมถึงการแข่งขันครั้งนี้ยังได้พันธมิตรที่ดีจาก บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จํากัด ที่อยู่คู่เคียงข้างกับวงการกีฬาไทยมายาวนาน ได้ให้การสนับสนุนชุดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ในครั้งนี้อีกด้วย" "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย กล่าวทิ้งท้าย

 ด้าน พลโท ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. ได้กล่าวว่า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เป็นสถาบันที่เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในบทบาทของกองทัพ ภาครัฐ เอกชน และภาคการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่นเดียวกับการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมา วปอ.ได้ส่งเสริมนักศึกษานอกจากการเรียน ยังส่งเสริมให้ทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงฟุตบอล ที่ วปอ.ได้มีการจัดแข่งขันลีกของ วปอ.เองภายในมาต่อเนื่อง ต้องขอขอบคุณประธานจัดการแข่งขัน ที่ได้มีแนวคิดที่ดีที่ให้นักศึกษาของ วปอ.ได้ทำกิจกรรมร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งใช้กีฬาฟุตบอลที่เป็นกีฬายอดนิยม มาทำให้เกิดฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งแรก

 นอกจากจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในการเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลเพื่อส่งเสริมสุขภาพ สร้างความรัก ความสามัคคีแล้ว ยังช่วยให้สร้างเพื่อนพี่น้องและยังสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันทั้ง 2 สถาบัน ที่จะช่วยกันนำความรู้แลกเปลี่ยน เพื่อนำพาความสร้างสรรค์ไปพัฒนาและต่อยอดด้านต่างๆ ในการร่วมมือกันสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ หรือหน่วยงานที่ตัวเองได้รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และถือว่าเป็นเกียรติที่ วปอ.ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพันธมิตรที่ดีต่อกันกับส ถาบันพระปกเกล้า ในครั้งนี้

 ขณะที่ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การจัดการแข่งขันครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของทั้งสองสถาบันที่ได้ร่วมมือกันให้เกิดมิตรภาพที่ดี ต้องขอขอบคุณประธานจัดการแข่งขันที่มีความคิดนี้ขึ้น โดย สถาบันพระปกเกล้า เป็นสถาบันวิชาการพัฒนาประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ธรรมาภิบาล และสันติวิธี มุ่งนำความรู้สู่สังคม เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างมิตรภาพและเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างความรัก ความสามัคคี ความสนุกสนาน โดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อเชื่อมโยงของทั้ง 2 สถาบัน ให้เล่นกีฬาที่สอนให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ให้เป็นประเพณีสืบต่อกันไปทุกปี

 "โดยการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ยังเป็นกิจกรรมสื่อกลางให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของทั้ง 2 สถาบัน ได้พบปะหารือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในการร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนและประเทศต่อไป และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทั้งสองสถาบันในการทำกิจกรรมร่วมกัน" นายวิทวัส กล่าวทิ้งท้าย

 สำหรับการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 1 จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2566 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ โดยเวลา 16.00 น. จะมีการแสดงของวงดุริยางค์ กองบัญชาการกองทัพไทย ต่อด้วยเวลา 17.00 น. กิจกรรมก่อนการแข่งขัน การร้องเพลงของศิลปินรับเชิญ และการแข่งขันฟุตบอลคู่แรก ประเภท Junior ในเวลา 17.25 น. และจะทำพิธีเปิดการแข่งขันพร้อมการแสดง ขบวนพาเหรดของศิษย์ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และ สถาบันพระปกเกล้า ก่อนจะมีการแข่งขันฟุตบอลคู่ที่สอง ประเภท Senior ในเวลา 19.45 น. และพิธีมอบรางวัลในเวลา 21.30 น.


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport